กรมอนามัย ห่วง เนอสซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุ เหตุส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว หากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องแยกออกจากที่พักทันที หวั่นเกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ ย้ำผู้ดูแลปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขเคร่งครัด

วันที่ 22 มิ.ย. 2564 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีเนอสซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home) แห่งหนึ่งย่านบางเขน ซึ่งมีผู้สูงอายุติดเตียงและคนดูแล อาศัยอยู่รวมกัน 9 ราย พบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 6 ราย เป็นผู้สูงอายุ 5 ราย และผู้ดูแล 1 ราย แต่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในบ้านหลังเดียวกันทั้งหมด รวมถึงผู้ดูแลที่ติดเชื้อโควิด-19 ก็ยังคงต้องดูแลผู้สูงอายุที่ไม่ติดเชื้ออยู่เช่นเดิม ทำให้โอกาสในการแพร่เชื้อไปสู่คนที่เหลือสูงมาก

ดังนั้น หากเนอสซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุแห่งอื่นพบกรณีเดียวกับข้างต้น ควรให้ผู้สูงอายุติดเชื้อ หรืออยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง กักตนเองเองและเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป และขอความร่วมมือเนอสซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุทุกแห่งประเมินตนเองตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขโดยใช้แพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus ซึ่งเป็นข้อแนะนำทางด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาด ประกอบด้วยมาตรการ และแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ปฏิบัติงาน และแนวทางการปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อ

ส่วนผู้ดูแลผู้ป่วย ถ้าอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง หรือติดเชื้อ ต้องงดเข้าใกล้หรือดูแลผู้สูงอายุโดยเด็ดขาด ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในผู้สูงอายุ นับเป็นหนึ่งกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่าย และอาจมีอาการอย่างรุนแรงมากกว่ากลุ่มวัยอื่น

สำหรับการปฏิบัติเพื่อป้องกันโควิด-19 ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดในทุกด้าน ดังนี้

...

1. จัดให้มีจุดคัดกรองสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานผู้มาติดต่อและญาติ บริเวณทางเข้าอาคารที่ครอบคลุมผู้มารับบริการทุกคน

2. ทำความสะอาดจุดหรือบริเวณที่มีการใช้ร่วมกัน เช่น บริเวณห้องน้ำ ห้องส้วม โดยเน้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ โถส้วม ที่กดชักโครก หรือโถปัสสาวะ สายฉีดชำระ กลอนหรือลูกบิดประตู ฝารองนั่ง

3. จัดให้มีภาชนะรองรับมูลฝอยที่เกิดจากการดูแล หรือให้การพยาบาลผู้สูงอายุที่มีฝาปิดมิดชิด กรณีสถานดูแลผู้สูงอายุมีโรงครัว หรือโรงอาหาร ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลอาหาร และล้างมืออย่างสม่ำเสมอด้วยสบู่และน้ำก่อนหยิบหรือจับอาหาร สวมหน้ากากขณะปฏิบัติงาน

4. จัดให้มีภาชนะและของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้สูงอายุ

5. งดหรือหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการชุมนุมของผู้สูงอายุในกรณีที่มีการรับบริจาคเงินควรบริจาคผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเป็นการลดการแพร่และกระจายเชื้อโควิด-19 ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้

นอกจากนี้ ผู้ปฏิบัติงานและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ควรหมั่นทำความสะอาด เตียงนอน เครื่องใช้ราวจับ กายอุปกรณ์ ที่นอนลม อุปกรณ์ช่วยเดินอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยน้ำยาทำความสะอาด และเข้มงวดเรื่องการคัดกรองผู้ปฏิบัติงานและผู้มาติดต่อ โดยใช้ระบบประเมินตนเองผ่านเว็บไซต์ ไทยเซฟไทย ก่อนเข้าปฏิบัติงาน เพื่อประเมินความเสี่ยงรายบุคคล ส่วนการให้บริการต้องดูแลตามมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุ ควบคู่กับการดูแลตัวเอง ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นสังเกตตนเอง หากพบมีอาการไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ให้แจ้งผู้ประกอบการสถานดูแลผู้สูงอายุและไปพบแพทย์ทันที

“ผู้ดูแลผู้ต้องเน้นย้ำให้ผู้สูงอายุสร้างสุขอนามัยที่ดีด้วยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำนาน 20 วินาที หรือทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนกินอาหารและหลังเข้าส้วม หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน กินอาหารที่ปรุงสุกร้อนอย่างทั่วถึง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว รักษาระยะห่างจากบุคคลอื่น 1-2 เมตร และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ”.