ชุดสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน AITF บุกรวบหนุ่มสิงคโปร์ นักค้ายานรกข้ามชาติ คาห้องพักย่านลาดพร้าว หลัง CNB หน่วยปราบปรามยาเสพติดเมืองลอดช่องตรวจยึดพัสดุซุกยาไอซ์ 3 กก.ได้เมื่อปลายปี 63 ก่อนประสานหน่วยงานไทยสืบสวนจับกุมและเร่งเฝ้าระวัง กระทั่งพบพัสดุซุกยาไอซ์อีก 3 กก.และยาอี 1.3 พันเม็ด จ่อบินไปอีกลอต ขยายผลหาตัวผู้ส่งจนพบก่อนเข้าจับกุมได้ ด้าน ผบช.ปส.เผยปีที่แล้วจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดออกนอกประเทศกว่า 100 ครั้ง ทั้งรายเล็กรายใหญ่ มูลค่าที่ส่งออกไปต่างประเทศจะมีมูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท

ตะครุบหนุ่มสิงคโปร์นักค้ายาเสพติดข้ามชาติรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 3 มิ.ย. ที่สำนักงาน ป.ป.ส. ถนนดินแดง กรุงเทพฯ ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. นายเดชา วิชัยดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนปราบปราม 3 กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ร่วมกันแถลงจับกุมนายเถ่า ซือ จี้ อายุ 27 ปี ชาวสิงคโปร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 28 พ.ค.64 ข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน และเมทิลลีนไดออซี่เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามส่งออกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้บรรจุซุกซ่อนยาเสพติด ลักษณะเดียวกับที่เคยตรวจยึด ได้แก่ เครื่องขยายเสียงอุปกรณ์การหีบห่อ เครื่องชั่งดิจิทัล รวมไปถึงบราวนี่ที่มีส่วนผสมของกัญชา จับกุมได้ที่ห้องพักย่านลาดพร้าวเมื่อเช้าวันที่ 3 มิ.ย.

สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเดือน พ.ย.63 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดสิงคโปร์ (Central Narcotic Bureau : CNB) ได้ตรวจยึดพัสดุระหว่างประเทศ ซุกซ่อนยาเสพติด (ยาไอซ์) น้ำหนักประมาณ 3 กก. ถูกส่งจากประเทศไทยปลายทางประเทศสิงคโปร์ผ่านทางเครื่องบิน ต่อมาชุดปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ตำรวจปราบปรามยาเสพติดศุลกากร และศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ได้สืบสวนขยายผลผู้ส่งยาเสพติดในประเทศไทย เฝ้าระวังพัสดุไปยังสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 26 มี.ค.64 ตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศด่วนพิเศษ (EMS) ปลายทางประเทศสิงคโปร์ 2 ชิ้น ซุกซ่อนยาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักรวมประมาณ 3 กก. และเอ็กซ์ตาซี 1,320 เม็ด ได้อีกที่ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ

...

จากการสืบสวนพบว่าผู้ส่งพัสดุคือนายเถ่า ซือ จี้ ชาวสิงคโปร์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ขอศาลอาญาออกหมายจับ และนำไปสู่การจับกุมได้ พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้บรรจุซุกซ่อนยาเสพติด ลักษณะเช่นเดียวกับที่เคยตรวจยึด ทั้งนี้ สถิติการตรวจยึดของชุดปฏิบัติการ AITF ระหว่าง ต.ค.63-พ.ค.64 มี 10 คดี แยกเป็นของกลางเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) 5,160 กรัม เอ็กซ์ตาซีหรือยาอี 2,910 เม็ดกัญชา 2,171 กรัม คีตามีน 515 กรัม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 12,859,565 บาท

ขณะที่ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทย ประกอบด้วยสำนักงาน ป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมศุลกากร และศูนย์รักษาความปลอดภัยกองบัญชาการกองทัพไทย ส่งผลให้สามารถจับกุมตัวการผู้ส่งยาเสพติดออกจากประเทศไทยไปยังประเทศสิงคโปร์ได้ ต่อจากนี้ในส่วนของพนักงานสอบสวนจะร่วมกับชุดสืบสวนขยายผลการจับกุม เพื่อดำเนินการกับเครือข่ายนี้ต่อไป ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมามีผลจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดออกนอกประเทศกว่า 100 ครั้ง ทั้งรายเล็กรายใหญ่ มูลค่าที่ส่งออกไปหากไปถึงยังต่างประเทศจะมีมูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท

พล.ต.ท.มนตรีกล่าวอีกว่า สถานการณ์การลักลอบขนยาเสพติดออกนอกประเทศในช่วงนี้โดยเฉพาะเดือน พ.ค.จับกุมได้ 3-4 ครั้ง โดยยอมรับว่าจากข้อมูลเป็นเรื่องปกติที่มีการลักลอบ เนื่องจากไทยเป็นประเทศส่งออกสินค้า กรมศุลกากรได้สั่งการเร่งด่วนเพื่อสกัดกั้น และตำรวจร่วมกับ ป.ป.ส. ได้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจประจำที่ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อดูแลและสกัดกั้น ส่วนการลักลอบขนส่งทางท่าอากาศมีพัสดุขนาดเล็กส่งออกมากกว่าวันละ 1 แสนชิ้น จากข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม สกัดจับได้ 20 กว่าตัน หากเทียบกับที่หลุดออกไปได้ 300 กว่ากิโลกรัมถือว่าน้อยมาก ส่วนการดำเนินคดียาเสพติดระหว่างประเทศยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นการจับกุมที่ประเทศปลายทางหรือจับกุมที่ไทยแต่มีความเชื่อมกับเครือข่ายต่างประเทศ ก็มีกฎหมายที่ดำเนินการได้อยู่แล้ว โดยคดีลักษณะนี้อัยการสูงสุดมีอำนาจในการฟ้องดำเนินคดี