มอบตัวแล้วรอง ผกก.6 บก.จร. พันคดีแก๊งมะกัน-ยิว อุ้มนักธุรกิจชาวไต้หวัน เรียกค่าไถ่ 90 ล้านบาท ให้การปฏิเสธ อ้างเพื่อนชวนไปไม่รู้ว่ามีเรื่องอุ้ม ตำรวจคุมฝากขังพร้อมพวกที่ถูกจับกุมก่อนหน้า 3 คนทันที ด้าน ผบช.น. เผยสั่งเร่งพิสูจน์ทราบผู้ต้องหารายอื่นที่ปิดบังใบหน้า พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง พ.ต.ท.ร่วมแก๊ง แฉพฤติกรรมแก๊งอุ้ม ก่อเหตุลักษณะนี้กับชาวต่างชาติมาหลายครั้ง ทุกครั้งหลังก่อเหตุจะให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันกับตำรวจท้องที่ให้ยอมความไม่เอาเรื่อง ทำให้เรื่องเงียบมาตลอด
กรณีกลุ่มคนร้ายต่างชาติปฏิบัติการอุกอาจบุกอุ้มนายเวน ยู ชุง นักธุรกิจชาวไต้หวัน จากร้านอาหารย่านทองหล่อไปเรียกค่าไถ่ 90 ล้านบาท แต่ไม่สำเร็จ กลุ่มผู้เสียหายไม่จ่ายเงินและแจ้งสถานทูตช่วยเหลือ คนร้ายต้องปล่อยตัว ก่อนผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ กระทั่ง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. สั่งกองปราบฯบุกจับนายเจเรมี่ แมนเชสเตอร์ อายุ 41 ปี ชาวอเมริกัน นายลูอิส วิลเลียม ซิสกิน อายุ 52 ปี ชาวอเมริกัน และนายเอกบดินทร์ ประสิทธิ์นฤทธิ์ อายุ 32 ปี ชาวไทย 3 ผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ปมเหตุจากนายลูอิสติดต่อซื้อถุงมือยางทางการแพทย์กับบริษัท แพดดี้ เดอะรูม เทรดดิ้ง จำกัด แต่งตั้งให้บริษัท มายกรีน คอนเซาท์ติ้งแอนด์คอนเซียส จำกัด ของนางเอมิลี ชาวไต้หวัน แต่ธุรกิจเกิดขัดแย้ง นายลูอิสเสียหายกว่า 93 ล้านบาท ว่าจ้างให้นายไมเคิล กรีนเบิร์ก อายุ 32 ปี ชาวอิสราเอล เปิดบริษัทนักสืบเอกชนในประเทศไทยมานาน ติดตามทรัพย์สินคืน โดยการสอบสวนยังพบว่ามีตำรวจยศ พ.ต.ท.สังกัด บก.จร. ร่วมแก๊งอุ้มด้วย
ความคืบหน้าคดีนี้ที่ สน.ทองหล่อ เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 17 พ.ค. พ.ต.ท.กฤษณพร ทัพทวี รอง ผกก.6 บก.จร. เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.ศุภชัย หาญคำหล้า รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ทองหล่อ เพื่อรับทราบข้อหา ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาร่วมกันเรียกค่าไถ่, พยายามฆ่า อั้งยี่ ซ่องโจร ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ ร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ทำร้ายร่างกาย ผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากนั้นนำตัวเข้าไปสอบสวน เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างในวันเกิดเหตุเพื่อนชวนไปและไม่ทราบว่าจะมีเหตุเรียกค่าไถ่ขึ้น
...
ต่อมาเวลา 15.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ พร้อมฝ่ายสืบสวน นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ขึ้นรถยนต์ควบคุมผู้ต้องหา นำไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีรายงานว่าแก๊งอุ้มเหยื่อเรียกค่าไถ่ถูกออกหมายจับทั้งหมด 6 คน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและเข้ามอบตัวแล้ว 4 คน อีก 2 คน คือนายไมเคิล กรีนเบิร์ก และนายโรเบิร์ต ฟรานซิส ชาวอิสราเอล ทั้ง 2 คนอยู่ระหว่างการหลบหนี เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ 6 ราย โดยที่ผู้เสียหายและกลุ่มผู้ต้องหารู้จักกัน ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน กระทั่งเมื่อช่วงเช้าได้ควบคุมผู้ต้องหารายที่ 4 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พ.ต.ท. ตำแหน่ง รอง ผกก.สังกัด บก.จร. แจ้งข้อหาเดียวกัน ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน เป็นชาวต่างชาติที่อยู่ระหว่างหลบหนี สั่งเร่งรัดจับกุมพร้อมทั้งเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบมีคนร้ายอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ส่วนกรณีที่กองปราบฯระบุมีผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คนนั้น ถือว่าข้อมูลสอดคล้อง อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะมีผู้กระทำความผิดมากกว่า 6 ราย อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบผู้ต้องหาที่ปิดบังใบหน้า มีการออกหมายจับ 6 ราย แต่คนอื่นๆเป็นหมายจับตามภาพถ่าย
เมื่อถามถึงนายตำรวจยศ พ.ต.ท. สังกัด บก.จร. ไปอยู่ในที่เกิดเหตุได้อย่างไร พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า เป็นเรื่องในสำนวนการสอบสวน และอยู่ในที่เกิดเหตุไม่ได้ใส่เครื่องแบบ ต้นสังกัด บก.จร.สั่งมาช่วยปฏิบัติราชการที่ต้นสังกัดทันทีเมื่อทราบเรื่อง แต่ระหว่างนั้นยังรวบรวมพยานหลักฐานไม่เสร็จสิ้น และจะพิจารณาโทษทางวินัยคือผิดวินัยร้ายแรง เพราะการกระทำดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ ถือเป็นความผิดโดยประมาท เป็นการกระทำความผิดอาญาต้องถูกดำเนินการทางวินัยอีกต่างหาก ส่วนการเดินทางเข้ามาของผู้ต้องหาชาวต่างชาติทั้ง 4 คนนั้น ได้รับวีซ่าทำงานในประเทศไทย มีการตั้งบริษัทเกี่ยวกับการให้คำแนะนำช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ทำธุรกิจในประเทศไทย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติบริษัทดังกล่าวด้วย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในช่วงระหว่างที่กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดควบคุมตัวนายเวนยูชุง เหยื่อชาวไต้หวันในห้องพักรายวัน เอ็นที เพลส ที่กลุ่มผู้ต้องหาเช่าเอาไว้เพื่อต่อรองเรียกค่าไถ่เรื่องอยู่นั้น เป็นจังหวะที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ เข้าไปตรวจสอบในซอยสุขุมวิท 36 หลังได้เบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด และมีผู้แจ้งเบาะแสว่าน่าจะเป็นห้องที่กลุ่มผู้ต้องหาเปิดเช่าไว้ ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อได้เข้าไปตรวจสอบ พบกลุ่มผู้ต้องหาและชายแต่งกายชุดตำรวจยศ พ.ต.ท.กำลังคุยกับนายเวนยูชุงอยู่ โดยชายแต่งชุด พ.ต.ท.บอกฝ่ายสืบสวนว่า “กำลังทำงาน” ทำให้ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ เข้าใจว่าเป็นเรื่องจริงได้ถอนตัวกลับ
สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่ถูกจับกุมได้นั้น จากแนวทางการสืบสวนพบว่า เคยก่อคดีในลักษณะนี้กับชาวต่างชาติมาแล้วหลายครั้ง มีทั้งทวงหนี้ชาวเกาหลี พื้นที่จังหวัดนครปฐม ทวงหนี้ชาวอินเดีย สน.คลองตัน รวมทั้งชาวต่างชาติในพื้นที่พัทยา แต่ทุกครั้งหลังก่อเหตุจะให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันกับตำรวจท้องที่ ให้ยืนยันว่ายอมความไม่เอาเรื่องทำให้เรื่องเงียบมาตลอด
ด้าน พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.จร. กล่าวว่า กรณีที่ พ.ต.ท.กฤษณพร ทัพทวี รอง ผกก.6 บก.จร. ไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวนั้น ตั้งแต่ทราบเรื่อง มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำ ศูนย์ปฏิบัติการของ บก.จร.ตั้งแต่แรก พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง รวมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงไว้ก่อน ทั้งนี้ หาก พ.ต.ท.กฤษณพร มีพยานหลักฐานที่ชัดแจ้งว่าไม่เกี่ยวข้อง สามารถนำมาแสดงได้ เห็นว่าตำรวจเหมือนกับพระไม่ควรทำผิดศีลธรรม จรรยาบรรณ การแต่งเครื่องแบบตำรวจ และใช้รถหลวงไปทำเช่นนี้ดูไม่สมควร ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวควรถอดเครื่องแบบออก ทั้งนี้ ในการดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ผิดว่าไปตามผิด แต่หากไม่เกี่ยวข้องเจ้าตัวมีสิทธิขอกลับมารับราชการตำรวจได้ตามเดิม
...
ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในวงเงินคนละ 3 แสนบาท ยกเว้นนายเจเรมี ฮิวส์ แมนเชสเตอร์ วงเงิน 4 แสนบาท และใส่กําไลข้อเท้า EM โดยวางเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศและต้องมารายงานตัวตามกำหนดนัด อย่างเคร่งครัด