แนะเกษตรกรฝากผลผลิตให้กับตัวแทนกลุ่มนำมาขาย ลดการเดินทาง ลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด พร้อมชมถ่ายทอดสดรับซื้อรังไหม ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก "เกษตรกรจุลไหมไทย"
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 จากกรณีที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ มีนโยบาย "ตลาดนำการผลิต" กรมหม่อนไหมจึงได้ส่งเสริมเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม พร้อมปรับเปลี่ยนแนวคิดและแนวทางปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรในระบบเกษตรพันธสัญญาหรือการซื้อขายล่วงหน้า โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันภาคเอกชนมีความต้องการรังไหมเพื่อผลิตเส้นไหมเป็นจำนวนมาก ซึ่งการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมนั้นใช้พื้นที่น้อย ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้หลายสิบปี ปีละหลายรุ่น การส่งเสริมเกษตรกรตามแนวทางดังกล่าว เป็นการทำงานร่วมกัน 4 ภาคส่วน คือ ภาครัฐ ภาคเกษตรกร ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ซึ่งในส่วนของภาคเอกชนนั้นได้มีการทำข้อตกลงกับ บริษัท จุลไหมไทย จำกัด เพื่อรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรอย่างเป็นระบบและเป็นธรรม
นายจงสฤษดิ์ คุ้นวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทจุลไหมไทย เปิดเผยว่า บริษัทจุลไหมไทยเป็นผู้ผลิตเส้นไหมคุณภาพมาเกือบครึ่งศตวรรษ มีการควบคุมการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจากทั่วประเทศ และได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่นมาใช้ในอุตสาหกรรมไหมของไทย เพื่อให้การผลิตเส้นไหมของไทยมีคุณภาพดี และมีกำลังการผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ บริษัทจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมติดตามดูแลเกษตรกรอย่างใกล้ชิด มีการฝึกอบรมเกษตรกรตั้งแต่เริ่มแรก และใช้ระบบหัวหน้ากลุ่มซึ่งเป็นเกษตรกรด้วยกันเองคอยกำกับดูแล บริษัทจะกำหนดแผนการผลิตและวันจำหน่ายผลผลิตรังไหมที่ชัดเจนให้กับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ โดยในการรับซื้อรังไหมนั้นจะคัดเกรดและตีราคาตามเกณฑ์คุณภาพ หากคุณภาพต่ำ บริษัทจะให้คำแนะนำแก่เกษตรกรนำไปแก้ไขปัญหาในการผลิตครั้งต่อๆ ไป เพื่อเป็นแรงจูงใจต่อการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรังไหมของเกษตรกรหม่อนไหมของไทย
...
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) บริษัทจุลไหมไทย ส่งเสริมให้เกษตรกรฝากผลผลิตให้กับตัวแทนกลุ่มนำมาขาย เพื่อลดการเดินทาง และลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ด้วยการถ่ายทอดสดการรับซื้อรังไหม ผ่านทางเพจ Facebook "เกษตรกรจุลไหมไทย" เกษตรกรสามารถมองเห็นกระบวนการการรับซื้อรังไหมแบบสดๆ ได้จากที่บ้าน ตั้งแต่การตรวจคัดรังไหม การแยกเกรด การชั่งน้ำหนัก และการคำนวณรายได้ที่เกษตรกรจะได้รับ เป็นการทำงานร่วมกับเกษตรกรที่โปร่งใสในยุค New Normal ทำให้เกษตรกรเชื่อมั่นได้ว่ารังไหมที่ฝากขายได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพและตีราคารังไหมตามเกณฑ์มาตรฐานและเป็นธรรม นอกจากนี้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ลดปริมาณการผลิตเส้นไหมลง จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยจะเพิ่มปริมาณการผลิตและก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตเส้นไหมในอันดับต้นๆ ของโลกต่อไป.