กทม.เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 รองรับผู้ป่วยโควิดสีเขียว และสีเหลือง นำร่องจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ป้องกันเชื้อลุกลาม
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 พ.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจความพร้อม “โรงพยาบาลเอราวัณ 3” ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนาม กทม. แห่งที่ 5 เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด ณ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ (บางมด) เขตทุ่งครุ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 มีการระบาดเพิ่มขึ้นและเป็นวงกว้าง ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไม่ให้เข้าไปยังชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และลดความแออัดของผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรงในการเข้ารับบริการในโรงพยาบาล กรุงเทพมหานครจึงจัดตั้ง "โรงพยาบาลเอราวัณ 3" ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนาม โดยใช้พื้นที่ของศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด เปิดให้บริการผู้ป่วยโควิดที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรง (โควิดเขียว) และสำหรับดูแลผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อย (โควิดเหลือง) เข้าดูแลรักษาแบบผู้ป่วยใน ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง โดยใช้พื้นที่อาคารโรงยิมฯ จำนวน 4 อาคาร จัดแยกเป็นพื้นที่ของผู้ป่วยชาย-หญิง อย่างชัดเจน
...
ซึ่งมีเครื่องเอกซเรย์ เครื่องทำออกซิเจน และอุปกรณ์อื่นๆ สำหรับดูแลผู้ป่วย โดยมีบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์เป็นผู้ดูแล โดยจะเปิดรับผู้ป่วยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คาดว่าโรงพยาบาลสนามของกรุงเทพมหานครทุกแห่ง ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 2,000 เตียง มีจำนวนเตียงเพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยที่ กทม.ได้ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชนต่างๆ

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยโควิดเขียวติดเชื้อลุกลาม หรือมีอาการรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นโควิดเหลือง หรือแดง กทม.จะให้ยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเขียวรายใหม่ ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามทันทีตั้งแต่วันแรก ซึ่งกรุงเทพมหานครได้จัดซื้อมา 50,000 เม็ด และได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี อีก 50,000 เม็ด รวม 100,000 เม็ด
โดยจะเริ่มแจกผู้ป่วยที่เข้ามา รพ.สนาม คนละ 50 เม็ด ใช้เวลารับประทานประมาณ 5 วัน และเชื่อว่าจะหายจากโรค ไม่ลุกลาม และระยะต่อไป กทม.จะซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ผ่านทางมูลนิธิจุฬาภรณ์ อีก 500,000 เม็ด ซึ่งโดยปกติยาฟาวิพิราเวียร์ทางการแพทย์จะเริ่มให้ผู้ป่วยเริ่มกินเมื่อการติดเชื้อแสดงอาการ (โควิดเหลือง) แต่ กทม.เห็นว่าควรให้ทานตั้งแต่เริ่มติดเชื้อเพื่อรักษาและป้องกันการลุกลามของโรค

ทั้งนี้ หากผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงรุนแรงขึ้น จะส่งไปรักษาในโรงพยาบาลหลักทันที ส่วนผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลสนาม ก็ต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ได้แก่ ต้องอยู่ภายในหอพักผู้ป่วย ห้ามออกจากห้องโดยเด็ดขาด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามบ้วนเสมหะหรือน้ำลายในถังขยะ เสื้อผ้าใส่ลงถังผ้าเปื้อน และปิดฝาให้เรียบร้อย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ ไม่เดินพลุกพล่าน ไม่จับกลุ่มสนทนา และไม่เข้าไปในเขตปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมทุกกรณี แต่สามารถนำของเยี่ยมฝากไว้ได้ตามเวลาและสถานที่ทางโรงพยาบาลกำหนด ห้ามถ่ายภาพหรือโพสต์ข้อความที่เกี่ยวข้องลงบนสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายขณะรักษาตัว ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามเสพติดของมึนเมา และห้ามการพนัน
สำหรับผู้ป่วยที่จะเข้ารักษา ณ โรงพยาบาลสนาม ขอให้เตรียมพร้อมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการมาอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม ได้แก่ เสื้อผ้าจำนวน 4-5 ชุด หรือพอดีกับจำนวนที่เข้าพัก 14 วัน ของใช้ในกิจวัตรประจำวัน เช่น สบู่ แชมพู โฟมล้างหน้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และของใช้อื่นๆ ที่จำเป็น โดยเฉพาะผ้าอนามัยสำหรับผู้หญิง ยารักษาโรคประจำตัว รวมทั้งข้อมูล ประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลเดิม(ถ้ามี) โทรศัพท์มือถือ ใช้สำหรับดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไลน์ ในการติดต่อหอผู้ป่วยในการสื่อสารขณะรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลสนาม สายชาร์จ และหากจำเป็นต้องใช้น้ำร้อน สามารถนำกระติกน้ำร้อนมาเองได้ เนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีบริการในส่วนนี้.
...