แบ่งผู้ติดเชื้อโควิด 3 กลุ่มสี เขียว เหลือง แดง โฆษก ศบค. เผยลิสต์อาการแบบไหนถึงรักษาใน รพ. หรือส่ง รพ.สนาม มั่นใจ หากทุกคนร่วมมือ ยับยั้งการระบาดได้

วันที่ 20 เม.ย. 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงในช่วงหนึ่งถึงเรื่องเตียงในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย เตียงโรงพยาบาลเอกชน, เตียงของทางกรุงเทพมหานคร รวมถึงโรงพยาบาลในสังกัด, โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์หรือกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัย โดยสายด่วน 1668 กรมการแพทย์, สายด่วน 1669 ศูนย์เอราวัณ และมีตัวเชื่อมประสานคือ 1330 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

ทั้งนี้ นโยบายการส่งต่อ COVID CASE ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งตัวเลขวานี้ 500 กว่าคน ถูกแยกออกมาเป็น 3 กลุ่ม การจำแนกผู้ติดเชื้อตามอาการ ดังนี้

สีเขียว

  • จากการตรวจคัดกรองเชิงรุก Active Case Finding และจากระบบบริการ
  • ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง ผื่นขึ้นถ่ายเหลว

สีเหลือง

  • ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจเร็ว
  • มีความเสี่ยง/มีโรคร่วมที่สำคัญ ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
    1. อายุมากกว่า 60 ปี
    2. โรคปวดอุดกลั้นเรื้อรัง (รวมโรคปอดอื่นๆ)
    3. โรคไตเรื้อรัง
    4. โรคหัวใจและหลอดเลือด (รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด)
    5. โรคหลอดเลือดสมอง
    6. เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
    7. ภาวะอ้วนที่มีน้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรับ
    8. ตับแข็ง
    9. ภูมิคุ้มกันต่ำ (เซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำกว่า 1,000 cell/mms)

...

สีแดง

  • หอบเหนื่อย หายใจลำบาก X-ray พบปอดอักเสบรุนแรง
  • มีภาวะปอดปวม (ความอิ่มตัวของเลือดน้อยกว่า 96% หรือ ความอิ่มตัวของเลือดลดลงมากกว่า 3% ของค่าที่วัดได้ครั้งแรกหลังออกแรง (Exercise - induced Hyoixemia)

ทั้งนี้ กลุ่มสีเขียวจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel ส่วนสีเหลืองและสีแดงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยตัวเลขเตียงที่ได้รับการรายงานจาก นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ว่า ผู้ติดเชื้อราว 600 ราย ทั้งหมดอยู่ในการดูแลแล้ว ส่วนผู้ป่วยกลุ่มที่เหลืองและสีแดงที่มีอยู่ไม่ถึง 100 ราย จะพยายามหาเตียงให้ได้ภายในวันนี้ ซึ่งกรมการแพทย์เป็นหัวเรือใหญ่ในการดูแลเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม โฆษก ศบค. กล่าวในช่วงท้ายว่า แม้ตัวเลขจะขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็ยังอยู่ในระดับหลักพัน ซึ่งเราไม่อยากเห็นภาพนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญอยู่ที่สุขอนามัยส่วนตัวตามมาตรการที่เราเรียนรู้มาแล้ว 1 ปี เชื่อว่าทุกคนช่วยกันจะหยุดยั้งการระบาดได้.