ส.ป.ก. แจงความคืบหน้าร่วม MOU กับกรมโยธา กำหนดขอบเขตวงรอบที่ดินชุมชนในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตร
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.64 ที่กระทรวงเกษตรฯ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อให้ทุกหน่วยงานในสังกัดได้มีส่วนร่วมในการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของกระทรวงอย่างทั่วถึง รวมทั้งเสนอประเด็นแถลงข่าวที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเกษตรกร ในส่วนของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ร่วมแถลงในหัวข้อ "ส.ป.ก.เร่งดำเนินการกำหนดขอบเขตวงรอบที่ดินชุมชนในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม" โดยมี นายสุริยน พัชรครุกานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นผู้แถลง
นายสุริยน กล่าวว่า ส.ป.ก. ได้เร่งรัดการจัดที่ดิน โดยมีแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดที่ดินชุมชนในเขตปฏิรูปที่ดิน สำหรับกิจการที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรเพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดที่อยู่อาศัย กิจการสาธารณูปโภคหรือกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดิน โดย ส.ป.ก. กับกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดผังการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตที่ดินชุมชนร่วมกัน เพื่อเป็นไปตามหลักวิชาการผังเมือง ทำให้ชุมชนมีความสมดุลระหว่างพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ชุมชน และพื้นที่อนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน มีแผนการดำนินการแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 ระยะเร่งรัด โดยเร่งรัดการกำหนดขอบเขตวงรอบชุมชนโดยขอความเห็นชอบจาก คปก. เพื่อให้ส.ป.ก.จังหวัด ดำเนินการจัดที่ดินตามแผนงานจัดที่ดินชุมชนปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 13,000 ราย/แปลง เพื่อเร่งรัดจัดที่อยู่อาศัยให้เกษตรกร ระยะที่ 2 ส.ป.ก. ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อดำเนินการกำหนดขอบเขตที่ดินชุมชนเป็นไปตามหลักวิชาการ มีความสมดุล ระหว่างพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ชุมชน ระยะที่ 3 ส.ป.ก. บูรณาการร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการจัดทำผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่อย่างเหมาะสม โดยการจัดทำผังโครงสร้างพื้นฐานเพื่อก่อสร้างถนน สาธารณูปการ ในเขตที่ดินชุมชน และให้มีการพัฒนาการคมนาคม การขนส่ง ให้สะดวกเกิดประโยชน์ต่อชุมชน
...
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการกำหนดขอบเขตวงรอบที่ดินชุมชนในเขตปฏิรูปที่ดินมีดังนี้ 1. ผู้รับอนุญาตได้รับการอนุญาตให้ใช้ที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้รับเอกสารการใช้ที่ดินเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินและได้รับการสนับสนุนจากโครงการภาครัฐต่างๆ และเกษตรกรได้รับการจัดที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นการรับรองสิทธิประชาชาชนพึงมีพึงได้ตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญภายใต้หลักความเท่าเทียม และเป็นธรรม คาดว่าเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์รวมทั้งหมดประมาณ 1,013,980 ราย 2. ชุมชนท้องที่ได้รับการพัฒนาในภาครวม ทั้งด้านการเกษตร ชีวิตความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ มีระบบเกษตรกรรมครบวงจร มีการสร้างงาน สร้างรายได้ชุมชนท้องถิ่นหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจ 3. ส.ป.ก. สามารถบริหารจัดการที่ดินรัฐ เก็บค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์เข้าสู่กองทุนที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อมีรายได้ต่อยอดในการส่งเสริมเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินอย่างทั่วถึง สร้างความชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ของ ส.ป.ก. ต่อบุคคลภายนอก สร้างการเข้าถึงกฎหมายของประชาชน รวมถึงองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษีได้ และ 4. ทำให้การดำเนินการจัดที่ดินของ ส.ป.ก. เป็นการช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรและประชาชนโดยรอบ ชุมชนท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการเข้าถึงบริการด้านอื่นๆ ให้สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมในทุกพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การจ้างงาน การสร้างรายได้
"เลขาฯ ส.ป.ก. มีแผนให้ทั้ง 2 หน่วยงาน เร่งดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินอย่างต่อเนื่อง และทั้ง 2 หน่วยงานมีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน ภายใต้ MOU ครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของเกษตรกร" นายสุริยนกล่าว.