พี่สาวของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้สูญหายที่กัมพูชา ยื่นหลักฐานสำคัญให้อัยการสูงสุด ขอให้สอบสวนกรณีการหายตัวไปของน้องชาย โดยรับพิจารณาเป็นคดีอาญา มีโทษตามกฎหมายไทย เกิดเหตุนอกราชอาณาจักร
เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 19 มี.ค. 2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ ผู้สูญหายในประเทศกัมพูชา พร้อม น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เดินทางมายื่นหลักฐานสำคัญให้อัยการสูงสุด ขอให้สอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายวันเฉลิม เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2563 ซึ่งได้ยื่นต่อศาลพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2563 แล้ว เพื่อให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้พนักงานอัยการสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าวร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อไป โดยมีนายกฤษฎา กสานติกุล รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับเรื่อง
น.ส.สิตานัน เปิดเผยว่า ตนทราบมาว่าอัยการสูงสุดได้ทำหนังสือแจ้งไปยังดีเอสไอว่าเหตุไม่เกิดที่กัมพูชา ดีเอสไอจึงถามข้อมูลที่ได้จากกัมพูชา เรื่องผ่านไป 9 เดือน คดีโยนกันไปมา ไม่สืบสวนสอบสวนจริงจัง หลักฐานที่นำมายื่นให้อัยการนี้มีรูปภาพ พาสปอร์ต บัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักฐานทางราชการที่รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่านายวันเฉลิมอยู่ที่ไหน เราหาหลักฐานเองทุกอย่าง อยากได้ความยุติธรรมคืน การจะได้หลักฐานยากมาก หน่วยงานรัฐไม่ช่วยเหลือเลย ทั้งนี้ นายวันเฉลิมไม่เคยมีคู่ขัดแย้งใดๆ นอกจากรัฐบาลไทย
ด้าน น.ส.พรเพ็ญ กล่าวเสริมถึงหลักฐานว่า มีการโทรคุยไลน์ขณะนายวันเฉลิมถูกอุ้ม มีภาพกล้องวงจรปิด พยานบุคคลที่เห็นบุคคลคนติดอาวุธ และเห็นทะเบียนรถ แต่ทางการกัมพูชาระบุทะเบียนไม่มีในสารบบ และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด 16 ตัว ไม่พบบุคคลคล้ายนายวันเฉลิม ซึ่งขัดกับหลักฐานที่เราได้มา จึงขอให้อัยการสูงสุดรับพิจารณาเป็นคดีอาญามีโทษตามกฎหมายไทยเกิดเหตุนอกราชอาณาจักรต่อไป.
...