- "บิ๊กบี้" ถือฤกษ์โชว์ผลงานรอบปี หลังนั่งเก้าอี้ "ผู้นำ" กองทัพบก
- กางแผนงานสกัดโควิด ป้องกันชายแดน ปกป้องสถาบัน สร้าง รพ.สนาม ดูแลผู้ป่วย
- ผุดโครงการช่วยเหลือดูแลประชาชน จะไม่ทอดทิ้ง และจะอยู่เคียงข้างตลอดไป
หลัง "บิ๊กบี้" พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รับธง "ผบ.ทบ." คนที่ 42 ต่อจาก "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็น รองเลขาธิการพระราชวัง ก็โหมลุยงานในฐานะ "ผู้นำกองทัพบก" และนั่งบริหารงานมาแล้วเกือบ 4 เดือน เจอสถานการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายปัญหายาเสพติด ความขัดแย้งทางการเมือง โดยเฉพาะปัญหาสารพัดม็อบ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นความท้าทายในยุคที่ต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้
แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังได้แสดงฝีมือการทำงานในห้วงที่ผ่านมาให้เห็นแล้วว่า สามารถฟันฝ่าทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว และมั่นใจจะนำพากองทัพบกเดินหน้าสู่ความเป็นประชาธิปไตย และยืนยันหนักแน่นในเรื่องปิดประตูการปฏิวัติไว้ที่ศูนย์ นั้นหมายถึงจะไม่มีการเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยจะนำทหารภายใต้การบังคับบัญชาให้อยู่ในกรอบของกองทัพ อยู่ในกรม-กอง จะปฏิบัติงานเฉพาะภารกิจตามหน้าที่รัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ทหารกระทำ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนในทุกสถานการณ์ ในทุกภัยพิบัติ จะเห็นภาพทหารยืนเคียงข้างเสมอ
...
และหลังนั่งบัญชาการในเก้าอี้มาแล้วกว่า 4 เดือน พล.อ.ณรงค์พันธ์ ในฐานะ ผบ.ทบ. คนที่ 42 ก็ถือฤกษ์ดีใน "วันกองทัพไทย" ครบรอบ 428 ปี และเป็น "วันกองทัพบก" เมื่อ 18 ม.ค.2564 พร้อมเปิดกองบัญชาการกองทัพบก นำ "บิ๊กทหาร" สักการะพระชัยมงคลภูมิ และพิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ เสด็จพ่อ ร.5 ณ หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ก่อนนิมนต์พระสงฆ์จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร มาประกอบพิธีทางศาสนา
"บิ๊กบี้" ถือฤกษ์วันกองทัพไทย แถลงผลงาน ทบ. รอบ 1 ปี
ก่อนมอบหมายให้เพื่อนรัก "บิ๊กติ่ง" พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสธ.ทบ. ในฐานะโฆษกกองทัพบก นำทีมงานโฆษก แถลงโชว์ผลงานกองทัพบกในรอบ 1 ปี โดยได้สรุปผลการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติต่างๆ ภัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด การช่วยเหลือผู้ยากไร้ และนโยบายในเรื่องทหารกองประจำการ โดยไฮไลต์อยู่ที่มาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่ชายแดนเนื่องเพราะเกี่ยวโยงกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยรวม
อย่างไรก็ตาม ทุกวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันกองทัพไทย และวันกองทัพบก ถือเป็นวันที่รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย จึงเป็นวันสำคัญที่กำลังพลในกองทัพทุกนายจะได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ อันสำคัญยิ่งที่จะรักษาหวงแหน ปกป้องบ้านเมืองและสืบทอดเจตนารมณ์ของพระองค์ท่าน เพื่อรักษาแผ่นดินนี้ให้เป็นมรดกของลูกหลานไทยสืบไป
สกัดกั้นการแพร่เชื้อโควิด ปิดแนวชายแดนป้องกันการระบาด
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก ทบ. ย้ำให้เห็นว่ากองทัพบกเพิ่มความถี่ ในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตลอด 24 ชม. ส่งเครื่องกีดขวาง ลวดหนาม เพิ่มเติมให้ กกล.ชายแดน นำไปวางปิดกั้นช่องทางที่สามารถใช้เป็นเส้นทางลักลอบเข้ามา เช่น กกล.นเรศวร จังหวัดตาก วางเครื่องกีดขวางใน 5 พื้นที่รวมระยะ 2,700 เมตร และ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 6 พื้นที่ ระยะ 1,500 เมตร รวมถึงใช้เครื่องมือเฝ้าตรวจ และยุทโธปกรณ์พิเศษ เช่น กล้อง CCTV, โดรนลาดตระเวนทางอากาศ, กล้องตรวจจับความเคลื่อนไหว, ติดต้ังเครื่องให้แสงสว่าง โซลาร์เซลล์ ในช่องทางสำคัญ อีกทั้งจัดชุดลาดตระเวน เฝ้าตรวจชายแดนทางบกและทางน้ำ
...
นอกจากนั้น ทบ. ได้เสริมกำลังเฝ้าตรวจชายแดนเพิ่มเติมอีก 5 กองร้อย ในช่วงเดือนธันวาคม 2563 จนปัจจุบัน ให้กับกองกำลังชายแดน ได้แก่ ผาเมือง นเรศวร สุรสีห์ เทพสตรี บูรพา เสริมการเฝ้าตรวจ และสกัดการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านการคัดกรองโควิด-19 ทั้งนี้ในช่วงที่ประเทศไทยเปิดลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ช่วง 15 ม.ค.-13 ก.พ.64 นี้ อาจจะเกิดความพยายามในการลักลอบข้ามแดนเพื่อมาลงทะเบียนจำนวนมาก กองกำลังชายแดนก็จะเข้มงวด ตรวจสอบ ในพื้นที่ชายแดนและถัดมา ป้องกันไม่ให้มีแรงงานแอบลักลอบเข้าประเทศ โดยได้ดำเนินการควบคู่ไปทั้งเรื่องการสกัดกั้น และการติดตามตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมายต่อกลุ่มขบวนการนำพาคนต่างด้าวเข้าเมือง
"การสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตั้งแต่ มกราคม-ธันวาคม 2563 สามารถจับกุมได้ 7,390 คน แยกเป็นกัมพูชา 2,723 คน ลาว 197 คน เมียนมา 4,352 คน ชาติอื่นๆ 9 คน และผู้นำพาชาวไทย 109 คน ซึ่งได้ถูกส่งไปดำเนินคดีตามกฎหมาย และผลักดันกลับประเทศต้นทาง ส่วนสถิติในห้วงเดือน มกราคม-ธันวาคม 2563 กองทัพบกตรวจพบคนไทยเดินทางเข้าประเทศผ่านแนวชายแดนในห้วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวน 32,766 คน แยกเป็น ลงทะเบียนขอเข้าราชอาณาจักรผ่านช่องทางการต่างประเทศ 28,897 คน และไม่ลงทะเบียน 3,869 คน แยกเป็นพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1,885 คน กองทัพภาคที่สอง 2,838 คน กองทัพภาคที่สาม 2,330 คน และกองทัพภาคที่สี่ 25,713 คน"
...
ยึดนโยบาย พิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน
ขณะที่ พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษก ทบ. ย้ำว่า ภารกิจที่ ผบ.ทบ.เน้นการดูแลประชาชน โดยกำลังพลทุกภูมิภาคต่างๆ ทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย เช่น หน่วยพิทักษ์พื้นที่ทั้ง 35 มณฑลทหารบก เป็นกำลังที่เข้าหาประชาชนได้ทันที เจตนารมณ์ของ ผบ.ทบ. มอบให้กำลังพลยึดถือคือ พิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ให้เกิดความมั่นคงต่อประเทศชาติ และให้ประชาชนผาสุก ปลอดภัย และมั่นคงในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูงสุด กองทัพบกจะยึดมั่น พิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนตลอดไป
"กองทัพบกมีหน้าที่ป้องกันชายแดน จะมีกระบวนการในการทำงานทุกวิถีทางในการดูแลความมั่นคง ป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องรุกล้ำอธิปไตยของชาติไทยในทุกเรื่อง และดูแลชายแดนให้ปลอดภัย ส่วนพวกลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทบ. ดูแลชายแดน และพื้นที่ที่ลึกเข้ามาในส่วนที่เป็นอำเภอติดชายแดน สิ่งที่เกิดขึ้นพยายามใช้กลไกในการทำงานอย่างเต็มขีดความสามารถทั้ง ทบ. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติงานให้เต็มขีดความสามารถสูงสุด แต่พื้นที่ที่ยาวไกลนั้นจากการที่เราจับกุมได้ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ที่ลึกเข้ามา แสดงว่าอาจจะมีการปฏิบัติเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบเข้ามาได้ แต่จากมาตรการที่เข้มขึ้นนั้น การจับแรงงานต่างด้าวที่หลุดรอดเข้ามาน้อยลง ผลสำเร็จจะไม่เกิดขึ้นได้หากเราไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย นอกจากนั้นได้มีการประสานกับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ TBC ก็จะพูดคุยเรื่องชายแดน และการไปมาหาสู่ระหว่างสองประเทศ ก็จะประสานในเรื่องในภาพรวม"
...
นำพระบรมราโชบาย ดูแลประชาชน ผู้ยากไร้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษก ทบ. ชี้ให้เห็นว่า ตลอดปีที่ผ่านมา "กองทัพบก" ยังคงดำรงความต่อเนื่องของนโยบายการช่วยเหลือประชาชนในทุกโอกาส รวมถึงการช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผ่านโครงการต่างๆ ที่สำคัญคือ โครงการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับผู้ยากไร้และด้อยโอกาส ในพื้นที่ชุมชนแออัด ในเขตกรุงเทพมหานคร และ 25 จังหวัดภาคกลาง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนโครงการจิตอาสาพระราชทาน "เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ตามพระบรมราโชบาย ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน
หลายโครงการที่กองทัพเข้าดำเนินการ ทั้งกองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และภาคเอกชน ดำเนินงานที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การซ่อมแซมบ้านให้กับผู้ยากไร้และด้อยโอกาสในชุมชนแออัด ในเขตกรุงเทพมหานคร และ 25 จังหวัดภาคกลาง โดยมีการประเมินและดำเนินการโดยชุดทหารช่าง ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 254 หลัง เป็นบ้านในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 156 หลัง และต่างจังหวัด จำนวน 98 หลัง การปรับปรุงพื้นที่รกร้างในชุมชนแออัด ให้เป็นสวนหย่อม ใจกลางชุมชน เพื่อใช้เป็นที่ออกกำลังกาย และสันทนาการพักผ่อนหย่อนใจของชุมชน ปัจจุบันดำเนินการแล้ว รวมทั้งสิ้น 25 แห่ง ซึ่งการช่วยซ่อมแซมปรับปรุงบ้านพักที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ยากไร้ และด้อยโอกาสให้มีความปลอดภัย และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
การช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ โดยส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น อาทิ เตียงผู้ป่วย จำนวน 153 เตียง, ที่นอนลม จำนวน 79 ชุด, รถเข็น จำนวน 73 คัน และเครื่องดูดเสมหะ จำนวน 2 เครื่อง จัดรถพยาบาลรับ-ส่งผู้ป่วยติดเตียงที่ยากไร้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการอย่างต่อเนื่องตามนัดหมาย ปัจจุบันมีรถพยาบาลฉุกเฉิน (EMS) ให้บริการจำนวน 5 คัน ดำเนินการช่วยเหลือแล้ว 478 ครั้ง
สนับสนุนอากาศยานส่งผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดาร และดูแลทหารใหม่ดังน้องคนเล็ก
"กองทัพบกได้มุ่งสนับสนุนยุทโธปกรณ์เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยกองกำลังนเรศวรได้สนับสนุนอากาศยานของกองทัพบก เพื่อช่วยในการส่งผู้ป่วยฉุกเฉินร่วมกับทีม Sky Doctor ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยเฉพาะผู้ป่วยเจ็บเร่งด่วน อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที"
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับทหารกองประจำการ ซึ่งถือเป็นน้องคนเล็กของกองทัพบก และเป็นกำลังพลหลักที่สำคัญของกองทัพ ซึ่งผู้บัญชาการทหารได้เดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 พร้อมกำชับให้หน่วยทหารดูแลกำลังพลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้พบปะพูดคุย และให้กำลังใจทหารใหม่ ควบคู่กับการเน้นย้ำให้หน่วยพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ ควบคู่กับการดูแลสิทธิ และสวัสดิการของกำลังพล โดยเฉพาะทหารใหม่ ให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน รวดเร็ว รวมถึงการได้รับเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน เครื่องแต่งกาย การรักษาพยาบาล และการได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันชีวิตที่กองทัพบกจัดทำประกันชีวิตให้ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติอย่างเต็มภาคภูมิ
นอกจากนี้ กองทัพบกจะดำเนินการฝึก และพัฒนาศักยภาพทหารใหม่ในทุกมิติ ทั้งหลักสูตรพื้นฐาน แบบธรรมเนียมทหาร และการพัฒนาสมรรถภาพร่างกาย ภายใต้มาตรการพิทักษ์พลในการดูแลทหารใหม่ให้ปลอดภัยจาก COVID-19 ตลอดเวลาที่อยู่ในหน่วยทหาร และเมื่อเดินทางกลับจากภูมิลำเนาด้วย และนี้คือส่วนหนึ่งของนโยบายสำคัญของกองทัพบก ที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนในทุกโอกาส และมีความห่วงใยต่อการดูแลพัฒนากำลังพลในทุกระดับ โดยเฉพาะทหารกองประจำการซึ่งถือเป็นน้องคนเล็กที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มศักยภาพและเต็มภาคภูมิ
เมื่อมีภัยทหารคือด่านหน้าเข้าช่วยเหลือ จะไม่ทอดทิ้งประชาชน
ด้าน พ.ต.หญิง จุฑาทิพย์ วุฒิรณฤทธิ์ ผู้ช่วยโฆษก ทบ. ระบุการช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ทั้งภัยหนาว, ภัยแล้ง, อุทกภัย และวาตภัย รวมถึงการป้องกันไฟป่าหมอกควัน ตลอดจนการจัดตั้งจุดบริการประชาชนในห้วงเทศกาลสำคัญ โดยตลอดห้วงปีที่ผ่านมาถือเป็นการปฏิบัติการให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติที่มีความแตกต่างจากทุกปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในปัจจุบัน การปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชน จึงต้องมีความรัดกุม ครอบคลุมยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับมาตรการ "พิทักษ์พล" ดูแลกำลังพลที่ออกไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงให้มีสุขอนามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อพร้อมช่วยเหลือประชาชนให้เต็มความสามารถต่อไป
"เมื่อเกิดภัยพิบัติ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับในพื้นที่ช่วยดูแลประชาชนให้ปลอดภัย และคลี่คลายสถานการณ์ตามแผนการช่วยเหลือ ร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัด โดยเฉพาะการสร้างสภาวการณ์ให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็วที่สุด อาทิ การซ่อมแซมเส้นทางที่ขาดจากอุทกภัย การระบายน้ำจากพื้นที่ชุมชน การแจกจ่ายน้ำบรรเทาภัยแล้ง การเร่งดูแลปัญหาไฟป่า และหมอกควันก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น"
รวมถึงการใช้ยุทโธปกรณ์มาปรับช่วยเหลือประชาชน ทั้งการนำสะพานหนุนมั่น มาสร้างเป็นสะพานชั่วคราว เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในการสัญจรเมื่อเส้นทางถูกตัดขาด การนำเรือ และรถบรรทุกมาใช้ในการช่วยเหลืออุทกภัย การนำเครื่องมือช่างปรับใช้การขุดคูคลอง การส่งกลับการรักษาพยาบาลทางอากาศ และการดับไฟทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก การสร้างโรงพยาบาลสนาม และนำเตียงสนามมาช่วยเหลือประชาชน เป็นต้น
กำลังพลจิตอาสาสนับสนุนการบริจาคโลหิตช่วย รพ.ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ นอกจากการเข้าช่วยเหลือประชาชน ยังคงจัดให้มีการบริจาคโลหิตของกำลังพลจิตอาสากองทัพบก ให้กับโรงพยาบาลในทุกภูมิภาค ทั่วประเทศ เพื่อเป็นคลังโลหิตสำรองให้กับการใช้รักษาผู้ป่วยต่อไป โดยตั้งแต่ 11-17 ม.ค.64 กำลังพลเข้าบริจาคโลหิตจำนวน 2,478 นาย รวมปริมาณโลหิต 984,690 มิลลิลิตร ตลอดจนที่ผ่านมาปัญหาอุทกภัยทำให้เกษตรกรชาวนาต้องประสบภาวะข้าวชื้นจากเก็บเกี่ยวเร็วกว่ากำหนด กองทัพบกจึงได้สนับสนุนให้หน่วยทหารในพื้นที่เข้าช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิต บริหารจัดการพื้นที่ตากข้าว ตลอดจนอุดหนุนข้าวจากเกษตรกรโดยตรงเพื่อใช้ในการประกอบเลี้ยง สร้างการกระจายรายได้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19
ในส่วนของภารกิจสนับสนุนงานด้านการป้องกันโควิด ตั้งแต่เริ่มระบาด จนถึงปัจจุบัน กองทัพบกได้รับมอบภารกิจ สนับสนุนการปฏิบัติงานของรัฐบาล ในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 กองทัพบก (ศบค.19 ทบ.) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.63 โดยเฉพาะการสนับสนุนการปฏิบัติทางทหาร ในการรักษาความมั่นคงภายใน และพื้นที่ชายแดนในสถานการณ์วิกฤติ และสนับสนุนภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชน
ผุดโครงการ Army Delivery ช่วยเหลือภาคเกษตรกร จัด รพ.สนาม เตียงสนาม รองรับผู้ป่วยโควิด
มาตรการและแนวทางการปฏิบัติของกองทัพบก ในการบริหารสถานการณ์ให้กับกำลังพล และครอบครัวโดยใช้กรอบแนวทางตามพันธกิจของ ศบค. สำหรับภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนที่สำคัญ อาทิ การช่วยเหลือประชาชนในโครงการทหารพันธ์ุดี การรับซื้อผลผลิตเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร การสนับสนุนรถครัวสนามประกอบอาหารปรุงสุก Army Delivery, Army Barber Delivery, Army Repair Delivery, โครงการ "ตู้ปันสุข" และการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย
การจัดกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ชุดรักษาพยาบาลและส่งกลับ รวมทั้งชุดรักษาความปลอดภัยพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (SQ) ทั้ง 11 แห่ง ที่กองทัพบกรับผิดชอบ และพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐประจำพื้นที่ (LQ) จำนวน 199 แห่ง เพื่อดูแลผู้เข้ารับการกักกัน ตลอดจนการเตรียมสถานที่ในการรองรับผู้ป่วย ทั้ง 3 ระดับ และบูรณาการการวางแผนเผชิญเหตุกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แบ่งสถานที่รองรับผู้ป่วย ออกเป็น 3 ลำดับ คือ สถานที่รองรับผู้ป่วยระดับ 1 จำนวน 10 พื้นที่, สถานที่รองรับผู้ป่วยระดับ 2 จำนวน 8 โรงพยาบาล และสถานที่รองรับผู้ป่วยระดับ 3 จำนวน 5 โรงพยาบาล
เน้นให้กำลังพลปฏิบัติตาม "มาตรการพิทักษ์พล" โหลด "ไทยชนะ" หรือ "หมอชนะ"
นอกจากนี้ จากการแพร่ระบาดของ COVID19 มีหลายจังหวัด เป็นพื้นที่ที่มีการระบาด กำลังพลของกองทัพบกในพื้นที่ยังคงสนับสนุนส่วนราชการในการดูแลรักษาความปลอดภัย และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคอย่างใกล้ชิด อาทิ กรมทหารสื่อสารที่ 1 ได้ส่งกำลังเข้าพื้นที่ควบคุมสูงสุด จ.สมุทรสาคร ตลอดจน การส่งทหารช่าง จากกองพันทหารช่างที่ 602 กรมทหารช่างที่ 11 เข้าสนับสนุนการสร้างรั้วโดยรอบโรงพยาบาลสนาม ณ ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 3 (วัฒนาแฟคตอรี่) จ.สมุทรสาคร
ขณะเดียวกันปฏิบัติตาม "มาตรการพิทักษ์พล" เพื่อให้กำลังพลมีสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคภัยด้วยการตั้งจุดคัดกรองกำลังพล เคร่งครัดการใช้ แอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ในการเข้าออกสถานที่ ตรวจวัดอุณหภูมิ การล้างมือ การวัดไข้ การรณรงค์ใช้หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างโดย ผู้บังคับหน่วยต้องมีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้แก่กำลังพล ครอบครัว และประชาชน ระมัดระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนทันทีที่มีภัยพิบัติด้วย
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า นโยบาย และโครงการต่างๆ ของกองทัพบก โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. มุ่งมั่นที่จะให้หน่วยทหารทั่วประเทศ กำลังพลทุกนาย ดูแล และช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเกิดปัญหา หรือประสบภัยพิบัติใดๆ ในทุกมิติ และทุกพื้นที่ของประเทศไทย คุณจะไม่มีวันโดดเดี่ยว และถูกทอดทิ้ง เพราะทุกตารางนิ้วของประเทศไทยจะมีทหารยืนเคียงข้างและดูแลตลอดไป.
ผู้เขียน : ยุทธจักรเขียว
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun