ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังได้พักการลงโทษ เจ้าหน้าที่นำตัวไปติดกำไล "อีเอ็ม" กำหนดให้อยู่ได้เฉพาะในจ.นนทบุรี เจ้าตัวบอกใครจะคุยเรื่องการเมือง ขอเป็นหลังจากปลดกำไลข้อเท้าแล้ว
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. ที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 7 เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ นำตัวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตเลขาฯ นปช. เข้ามาสวมกำไลอีเอ็ม โดยมี น.ส.สุดารัตน์ ยินดี ผอ.สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 7 ชี้แจงถึงกฎระเบียบและขั้นตอนการใส่กำไลข้อเท้า
น.ส.สุดารัตน์ กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มาส่งตัวแล้ว จะมีการติดอุปกรณ์กำไลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเอ็ม และชี้แจงระเบียบการใช้อีเอ็ม ซึ่งใช้เวลาไม่นานในการติดตั้ง สำหรับเงื่อนไขคือให้นายณัฐวุฒิ อยู่ได้เฉพาะใน จ.นนทบุรี เท่านั้น เพราะภูมิลำเนาและผู้อุปการะอยู่ในเขตพื้นที่ดังกล่าว และห้ามแสดงออกทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนการรายงานตัวของนายณัฐวุฒิ ทางเจ้าหน้าที่จะนัดหมายเดือนละ 1 ครั้ง ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี หากนายณัฐวุฒิ จะเดินทางออกนอกพื้นที่จ.นนทบุรีต้องมีการขออนุญาตกับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี เพื่อทำหนังสือออกนอกพื้นที่ หลังจากนี้ เมื่อนายณัฐวุฒิใส่กำไลแล้วเสร็จ ก็สามารถกลับที่พักได้ทันที
...
ต่อมา เวลา 13.50 น. ภายหลังจากที่ใส่กำไลอีเอ็มแล้ว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ออกมาพบมวลชน พร้อมเปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้พูดคุยถึงระเบียบของการคุมประพฤติ และการดูแลรักษากำไลอีเอ็ม ซึ่งเงื่อนไขได้มีการระบุไว้ คือห้ามออกนอกพื้นที่ จ.นนทบุรี เนื่องจากมีทะเบียนบ้านในจังหวัดดังกล่าว ห้ามทำกิจกรรมหรือแสดงสัญลักษณ์ใดๆ เกี่ยวกับการเมือง ห้ามเดินทางด้วยเครื่องบิน และเข้าพื้นที่สนามบิน เนื่องจากกำไลมีระบบจีพีเอส เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อสัญญาณเครื่องบินได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ถูกห้ามแสดงความเห็นทางการเมือง ซึ่งการรวมกลุ่มของนักศึกษาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็ไม่สามารถแสดงความเห็นได้ ตามกำหนดโทษเดิมของตน มีกำหนดถูกปล่อยตัวปลายเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าจะต้องติดกำไลอีเอ็มถึงเมื่อไหร่ แต่ถ้ามีการปลดกำไลอีเอ็มก็แสดงว่าตนได้รับอิสรภาพเต็มรูปแบบ ถ้าจะพูดคุยถึงเรื่องการเมือง ค่อยมาพูดคุยหลังปลดกำไลอีเอ็ม
นายณัฐวุฒิ เปิดเผยต่อว่า สำหรับเสื้อที่ใส่ในวันนี้ เป็นเสื้อที่ใส่ขณะที่เข้ามาอยู่ในเรือนจำตั้งแต่วันแรก และเป็นเสื้อกีฬาเพียงตัวเดียวที่ติดตัว เป็นการแสดงออกให้เห็นว่า ยังเป็นณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง หลังจากนี้ จะไปที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี แล้วกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว และจะเดินทางไปกราบดวงวิญญาณของพ่อที่ต่างจังหวัดด้วย ส่วนจะสามารถเดินทางได้หรือไม่นั้นต้องดูที่กฎระเบียบของเจ้าหน้าที่