“โควิด” กลับมาสร้างความกังวลให้กับคนไทยอีกครั้ง เกรงว่าจะระบาดหนักเหมือนช่วงต้นปี เมื่อกลุ่มหญิงไทยทำงานในสถานบันเทิงประเทศเมียนมา ลักลอบเข้าไทยผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยล่าสุดพบว่าติดเชื้อโควิด รวม 10 คน กระจายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.พิจิตร จ.ราชบุรี และกรุงเทพฯ โดยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา
เพื่อให้คนไทยคลายกังวล ไม่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา” หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ว่า การลักลอบเข้าเมืองทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะคนไทยที่ลักลอบเข้าเมือง จะสังเกตลำบาก ตรวจสอบคัดกรองได้ยาก ยกเว้นชาวต่างชาติจะสังเกตได้ง่าย ทั้งการแจ้งเบาะแส สามารถส่งเข้าสถานที่กักตัวเพื่อคัดกรองได้ง่ายกว่า ซึ่งในกรณีคนไทยควรต้องลงโทษอย่างรุนแรงและจับปรับ แต่อาจได้ผลไม่เต็มที่ เพราะไม่ได้ตระหนักกับสิ่งที่เกิดขึ้น จากที่ไทยเคยมีการระบาดของโควิดอย่างหนักมาก่อน และที่ผ่านมาผู้เกี่ยวข้องให้ความเชื่อมั่นในเรื่องการติดเชื้อโควิดภายในประเทศ ในลักษณะกะปริดกะปรอยไม่ต่อเนื่อง

...
ในกรณีหญิงสาวลักลอบเข้าเมืองและติดเชื้อโควิด ควรต้องกักตัวและติดตามผู้สัมผัสโดยเร็วที่สุด อยากเสนอให้มีการตรวจหาเชื้อด้วยความรวดเร็ว ประหยัดไม่แพง ด้วยการเจาะเลือดปลายนิ้ว ซึ่งสิ่งสำคัญในการตรวจหาเชื้อต้องไม่หลุด มีความรวดเร็วสูงสุด แม้ว่าผลเลือดบางคนซึ่งไม่ได้ติดเชื้ออาจเป็นบวก สามารถตรวจหาเชื้อเป็นครั้งที่ 2 ด้วยการแยงจมูก เพื่อความแน่นอน และควรนำการเจาะเลือดไปใช้ในกรณีชุมนุม เพื่อจะได้ผลอย่างรวดเร็ว โดยที่ผ่านมาเคยเสนอมาหลายครั้ง เน้นคนที่กลับจากต่างประเทศในสถานที่กักตัว เพราะการตรวจเชิงรุกเป็นสิ่งสำคัญในขณะนี้ ทั้งคนที่มีอาการและไม่แสดงอาการ
“การเจาะเลือดมีต้นทุนอยู่ที่ 100-120 บาท เนื่องจากไทยเบี้ยน้อยหอยน้อย เพื่อตรวจคนที่ติดเชื้อ 4 วันขึ้นไป ยกเว้นคนที่เพิ่งติดมาหมาดๆ อาจตรวจไม่เจอ ต้องรออีก 5 วันก็จะพบว่าติดโควิดหรือไม่ หากเลือดเป็นบวกก็ตรวจซ้ำอีกครั้ง โดยคนที่ตรวจครั้งแรกอาจได้ผลบวก อาจไม่ต้องกักตัวในโรงพยาบาลก็ได้ ให้ไปกักตัวอยู่ที่บ้าน ใส่หน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพดีกว่าหน้ากากผ้า”

จากข้อกังวลว่ากลุ่มหญิงสาวติดเชื้อโควิด เดินทางไปหลายสถานที่อาจมีความเสี่ยงเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ ไม่อยากให้เป็นกังวล เนื่องจากคำว่า “ซุปเปอร์สเปรดเดอร์” ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และคนติดเชื้อต้องปล่อยเชื้อในปริมาณสูง ซึ่งคนอยู่รอบข้างต้องใกล้ชิดพอสมควร ต้องอยู่ในสถานที่มิดชิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และอาจมีการหัวเราะตะโกนใส่กัน ยกเว้นเป็นพื้นที่โล่ง เชื้อจะกระจัดกระจายเบาบางลงไป ไม่เหมือนอยู่ในสถานที่มิดชิด หรือสถานที่มีความแออัด เมื่อเชื้อถูกปล่อยไปจะอยู่ได้นานในลักษณะละอองฟุ้ง สามารถติดได้จากการหายใจ

ส่วนการจะแพร่เชื้อทางเครื่องบิน มีโอกาสน้อย เนื่องจากมีเครื่องกรองอากาศ และหากผู้ติดเชื้อใส่หน้ากากอนามัย จะปล่อยเชื้อได้ยาก รวมถึงคนรอบข้างต้องใส่หน้ากากอนามัย จะช่วยป้องกันเชื้อฟุ้งกระจายได้ดี แต่เชื้อจะติดตามใบหน้าและเส้นผม ต้องอย่าเผลอเอามือจับปากหรือขยี้ตา หรือแม้อยู่ในพื้นที่ชุมนุม เชื้อโควิดอาจติดมากับกางเกงและเสื้อผ้า ควรล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญในตอนนี้ขอให้ทุกคนตั้งการ์ด ดูแลสนใจตัวเองให้ดี
...
“มาตรการการคุมเข้มของไทย เชื่อว่าเราเอาอยู่ และมาตรการติดตามในพื้นที่ก็มีความเข้มแข็ง ต้องสนใจสังเกตดูตัวเราเอง เช่น รู้สึกไม่สบาย เริ่มมีอาการ ต้องรีบไปหาหมอ หากมีสิ่งผิดปกติ และขณะนี้เรื่องเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ ขออย่าเป็นกังวล ใครอยากไปเชียงใหม่ เชียงราย หรืออยากไปไหนก็ไป อย่ายกเลิก เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศย่อยยับไปกว่านี้ ขออย่าตื่นตระหนกหวาดกลัว”.