จนท.พาณิชย์ และคลัง จ.อุบลราชธานี นำแม่ค้าคนละครึ่งคิดค่าเน็ต ปรับ 1 พัน บอกเกิดเรื่องนอนไม่หลับทั้งคืน ก่อนจะทำเรื่องถอดชื่อแม่ค้าจุ๊รายนี้ออกจากระบบ พร้อมเตือนพ่อค้าแม่ค้าอย่าได้ทำอีก

จากกรณีลูกค้าเป็นนักศึกษาเมืองนักปราชญ์ เจอแม่ค้าหน้าเลือด ขายจุ๊เนื้อซอยบนถนนคนเดินหน้าโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี เทศบาลนครอุบลราชธานี เมนูละ 100 บาท แต่ถ้าจ่ายโครงการคนละครึ่ง ก็ต้องช่วยจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตด้วย 10 บาท ซึ่งแม่ค้าระบุเป็นความเข้าใจผิดของตน และขอโทษตามที่เสนอข่าวไปนั้น

เมื่อวันที่ 1 พ.ย.63 ความคืบหน้าที่สถานีตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี นายชาญยุทธ วันดี พาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี และ น.ส.ปานจิตต์ ตะเพียนทอง คลังจังหวัด นำตัว นางเยาวะเรศ รัตนพร อายุ 46 ปี แม่ค้าขายจุ๊เนื้อที่เรียกเก็บค่าอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติมจากค่าจุ๊เนื้อหั่นที่ตั้งราคาขายไว้ 100 บาท เป็น 110 บาท กรณีขอใช้โครงการจ่ายคนละครึ่ง เพราะต้องเสียเงินค่าอินเทอร์เน็ต มาให้ พ.ต.ท.เสด็จ แก้วสิงห์ทอง สารวัตรเวรสอบสวนทำการเปรียบเทียบปรับ

ฐานฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฉบับที่ 71 พ.ศ.2563 ลงวันที่ 1 ก.ค.2563 ข้อ 11 การแสดงราคาจำหน่ายปลีกสินค้า หรือค่าบริการที่ให้บริการ ตามข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 7 หรือข้อ 10 ต้องแสดงให้ตรงกับราคาที่จำหน่ายหรือค่าบริการที่ให้บริการ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ซึ่งมีอัตราโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท

แต่กรณีของ นางเยาวะเรศ เป็นหาบเร่แผงลอย จึงเสนอปรับเพียง 1,000 บาท ซึ่งนางเยาวะเรศ แม่ค้าก็ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย พร้อมได้กล่าวขอโทษต่อกรณีที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะหลังเกิดเรื่องทำให้นางเยาวะเรศเกิดความเครียดและนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนด้วย

...

ด้าน นายชาญยุทธ วันดี พาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ฝากเตือนไปถึงร้านค้าต่าง แม้ไม่ได้เข้าร่วมโครงการใดๆ กับทางรัฐ อย่างไรก็ต้องติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน และต้องขายให้ตรงกับราคาตามป้ายที่แสดงไว้ ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาก็ต้องมีการแจ้งชัดเจน และสินค้าต้องมีน้ำหนักหรือจำนวนที่มีการระบุไว้ หากไม่ครบถ้วนก็มีความผิดเช่นกัน

ขณะที่ น.ส.ปานจิตต์ ตะเพียนทอง คลังจังหวัด กล่าวถึงการเสนอถอดรายชื่อ นางเยาวะเรศ ออกจากการร่วมโครงการจ่ายคนละครึ่ง ซึ่งเจ้าตัวก็ยินยอมออกจากโครงการ ก็จะได้ส่งเรื่องให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เพื่อทำการเพิกถอนสิทธิออกจากโครงการนี้ พร้อมเตือนพ่อค้าแม่ค้ารายอื่น ซึ่งมีข่าวออกมาไม่ได้ขายสินค้า แต่ให้มาแลกเป็นเงินสดอย่าได้ทำ เพราะโครงการนี้รัฐบาลต้องการช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพประชาชน ช่วยเหลือผู้ค้าระดับเล็กๆ ให้มีรายได้ และขายของได้มากๆ ส่วนที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มร้านค้าก็ควรต้องรับผิดชอบเองอย่าได้ทำผิดเป็นอันขาด.