ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ยืนยัน ไม่ได้กีดกันเด็กแต่งไปรเวตเข้าเรียน แต่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย ซึ่งล่าสุดได้อนุญาตให้เข้าเรียนได้ตามปกติ
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 นายวิสิทธิ์ ใจเถิง ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ได้ชี้แจงถึงกรณีกลุ่มนักเรียนกลุ่มเห็นต่าง รวมกิจกรรมแต่งไปรเวตมาโรงเรียน และชูป้ายเรียกร้องว่า กรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทางโรงเรียนกีดกันไม่ให้นักเรียนที่สวมใส่ชุดไปรเวต ตามการจัดกิจกรรม #1ธันวาบอกลาเครื่องแบบ ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่านักเรียนเลว มาโรงเรียนในวันนี้ ตนเองและทางโรงเรียนไม่ได้กีดกันให้นักเรียนเข้าเรียนแต่เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ในการตรวจสอบว่านักเรียนที่สวมใส่ชุดไปรเวตทั้งหมด ใช่นักเรียนของทางโรงเรียนหรือไม่ หรือมีใครปะปนเข้ามา ซึ่งทางโรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียนกว่า 4,000 คน จะต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก จึงต้องมีการคัดกรอง และพูดคุยทำความเข้าใจ จึงแยกเด็กไปพูดคุยที่เรือนไทย พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาบดินทรเดชา จากนั้นก็เข้ามาพูดคุยในห้องประชุม เพื่อหารือร่วมกันทั้งในส่วนของนักเรียน ตัวแทนผู้ปกครอง ศิษย์เก่า ซึ่งได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ก็เข้าใจว่าเด็กต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และจะแต่งชุดไปรเวตมาวันนี้วันเดียวเท่านั้น จึงอะลุ่มอล่วยให้เด็กๆ แยกย้ายเข้าเรียนได้ตามปกติ
ส่วนคนไหนอยากจะกลับบ้านก็ให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้านได้ โดยที่จะไม่มีการหักคะแนน หรือทำทัณฑ์บน แต่หากหลังจากนี้ยังมีการฝ่าฝืนสวมใส่ชุดไปรเวตมาอีก จะต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 และระเบียบปฏิบัติของโรงเรียน จะต้องมีการหักคะแนน หรือ เรียกผู้ปกครองมาพบตามลำดับ
...
ด้าน นายชาไนย์ กิตติสิริกาญจน์ เครือข่ายประธานชมรมผู้ปกครองนักเรียน กล่าวว่า การกระทำของนักเรียนในครั้งนี้ โดยส่วนหนึ่งแล้วได้รับแรงสนับสนุนจากพ่อแม่ ซึ่งเด็กบางคนแรงมาพอเจอกลุ่มคุณพ่อคุณแม่เขามา เขาก็ใส่แบบแรงมาเลย แต่เราก็ไม่ถือโกรธพวกเขา คือถ้าเราต้องทำงานสู่สาธารณะ เราต้องทำอะไรให้ดีเพื่อให้เด็กได้รับผลประโยชน์ คือเด็กต้องได้เรียนให้ดีที่สุด ได้มีอนาคตก้าวหน้าที่สุด ประเทศชาติก็จะเจริญถ้าเด็กได้รับความก้าวหน้า
“ทั้งนี้ ระบอบประชาธิปไตยต้องฟังเสียงส่วนใหญ่สิทธิและหน้าที่ แต่ตอนนี้ทางเราถูกปฏิเสธ โดยจากเด็กนักเรียนทั้งหมด 4 พันกว่าคน แต่ที่แต่งไปรเวตนั้นมีเท่าไร แสดงให้เห็นแล้วว่าเด็กก็ยังไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ แล้วจะถือว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ตนเองก็ยังไม่เข้าใจว่า นักเรียนกลุ่มนี้เขาต้องการอะไรกัน เพราะจากการพูดคุยกันแล้ว ก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนแต่อย่างใด”