เหตุวินจยย.ย่านอุดมสุข ยกพวกตีกันปี 2562 หนุ่มเคอรี่ถูกลูกหลงดับ ศาลตัดสินจำคุกจำเลย 18 คนที่ร่วมก่อเหตุ หัวโจกโดนสูงสุดคุก 27 ปี 10 เดือน ปรับ 5,000 บาท ให้ร่วมชดใช้เงินกับผู้เสียหาย 2.8 แสน

วันที่ 30 พ.ย. ที่ศาลอาญาพระโขนง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีวินมอเตอร์ไซค์ยกพวกตีกันย่านอุดมสุข หมายเลขดำ อ 2616/2562 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายรังสรรค์ หรือเอ็กซ์ ศรไชยากร, นายจีระพงษ์ หรือเบส วิบูลย์รัชกิจ, นายพันธ์ศักดิ์ หรือตั้ม พละทรัพย์, นายปิยะ หรือหมู พวงเกษร, นายมานพ หรือเบียร์ มิ่งมงคล, นายประมุข หรือมุข วิเชียรดิลกกุล, นายวันชัย หรืออั้ม มงคลเข็ม, นายบัวลอย หรือเป้ พัฒวี, นายสมโภช หรือโอ๋ รัชนีกร, นายธนพล หรือน็อต บัวบาน, นายภาณุกร หรือแบงค์ มาลาขาว, นายอาทิตย์ หรือเอ๋ เข็มเพชร, นายขวัญ หรือโต้ คชาไพร, นายศักรินทร์ หรือหนุ่ย ขาวผ่อง, นายอมรฤทธิ์ หรือแบงค์ กองแก้ว, นายฤทธิชัย หรือฟลุ๊ค พาพันธ์, นายดวงดี หรือใหม่ แนวกลาง และนายบุพกร หรือแจ็ค นราสงค์ เป็นจำเลยที่ 1-18 ในความผิดต่อชีวิต, ซ่องโจร, ก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ

กรณีเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2562 นายประมุข เป็นหัวหน้าวินจักรยานยนต์รับจ้างกลุ่มซอยอุดมสุข 1 ไม่พอใจกลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้างกลุ่มซอยอุดมสุข 2 ที่มีนายทนง เกิดแก้ว เป็นหัวหน้าวิน เรื่องแย่งลูกค้า กลุ่มวินซอยอุดมสุข 2 ไม่ได้รับอนุญาต แต่มาตั้งวินรับลูกค้าบริเวณใกล้กัน นายประมุขพร้อมพวกที่มีทั้งคนสวมเสื้อวินและหมวกกันน็อกราว 50-60 คน ถือกระบองยาว 1.5 เมตร และมีด ไปที่วินซอยอุดมสุข 2 มีประมาณ 20-30 คน สวมใส่เสื้อทั่วไป ถือไม้ยาว และบางส่วนถืออาวุธมีด วิ่งเข้าไปทำร้ายกันบริเวณกลางถนนซอยอุดมสุข โดยนายประมุขได้รับบาดเจ็บด้วย กลุ่มวินวิ่งไล่ทำร้ายกันนานประมาณ 5 นาที ฝ่ายนายทนง หัวหน้าวินซอยอุดมสุข 2 มีที่พักอยู่ในชุมชนรุ่งเรืองหลบเข้าไปในซอย ระหว่างนั้นฝ่ายนายประมุขรวมตัวกันประมาณ 15-20 คน ก่อนที่นายปิยะ, นายรังสรรค์ และนายวันชัย ใช้ปืนพกสั้นไม่ทราบชนิดและขนาดที่พกติดตัวมายิงใส่คนที่อยู่ในซอยรุ่งเรือง เป็นเหตุให้นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อาชีพขี่จยย.ส่งของ "เคอรี่" ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย

...

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2, 6-7 มีเจตนาร่วมกันฆ่าโดยเล็งเห็นผล มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกคนละ 20 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยที่ 1-18 มีความผิดฐานซ่องโจร ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกคนละ 4 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ แสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้ และร่วมกันทะเลาะกันอย่างอื้ออึงให้เสียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณะ ปรับคนละ 5,000 บาท

ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ จำคุกคนละ 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 6 เป็นหัวหน้าสั่งการ ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 6 ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ให้จำคุก 4 เดือน รวมจำเลยที่ 1-2, 7 จำคุกคนละ 27 ปี ปรับ 5,000 บาท จำเลยที่ 6 จำคุก 27 ปี 10 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยที่ 3-5, 8-18 จำคุกคนละ 5 ปี ปรับ 5,000 บาท เพิ่มโทษจำเลยที่ 5 กระทงละหนึ่งในสามรวมจำคุก 6 ปี 8 เดือน ปรับ 6,666.66 บาท ทั้งนี้ จำเลยบางรายให้การรับสารภาพบางข้อหา จึงมีการลดโทษจำคุกและค่าปรับในส่วนของจำเลยที่รับสารภาพ

เมื่อศาลรวมโทษทุกกระทงแล้ว นายรังสรรค์ จำเลยที่ 1 คงจำคุก 24 ปี 6 เดือน ปรับ 2,500 บาท, นายจีระพงษ์ จำเลยที่ 2 คงจำคุก 27 ปี ปรับ 5,000 บาท, นายพันธ์ศักดิ์และนายปิยะ จำเลยที่ 3-4 คงจำคุกคนละ 5 ปี ปรับ 5,000 บาท, นายมานพ จำเลยที่ 5 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ปรับ 6,666.66 บาท, นายประมุข จำเลยที่ 6 คงจำคุก 27 ปี 10 เดือน ปรับ 5,000 บาท, นายวันชัย จำเลยที่ 7 คงจำคุก 25 ปี 12 เดือน ปรับ 5,000 บาท, จำเลยที่ 8-12 คงจำคุกคนละ 4 ปี 6 เดือน ปรับ 2,500 บาท และจำเลยที่ 13-18 จำคุกคนละ 5 ปี ปรับ 5,000 บาท โดยศาลพิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคมโดยรวมร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ กับให้จำเลยที่ 1-2, 6-7 ร่วมกันชดใช้เงินแก่ผู้ร้อง จำนวน 280,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย