ขานรับนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ทันทีกับการ “เซ็ตซีโร่ด่านตรวจ” ของตำรวจทางหลวงในยุค พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. ที่มองว่า การตั้งด่านของตำรวจทางหลวงบางที่ยังไม่ถูกต้อง เป็นจุดอ่อนของตำรวจสอบสวนกลาง ทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างตำรวจกับชาวบ้านที่ถูกจับแจกใบสั่ง

มอบการบ้านโจทย์ใหญ่ให้ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.ไปปรับรูปแบบการทำงาน

ผบช.ก.ต้องการให้จุดที่ตั้งด่านตำรวจทางหลวงจะไม่ให้มีการจ่ายค่าปรับเป็นเงินสดอีกต่อไป

เพื่อไม่ให้มีการยัดเงินให้กับตำรวจ

แต่ให้ด่านตรวจตำรวจทางหลวงออกใบสั่งเพียงอย่างเดียว ไม่ให้เปรียบเทียบปรับที่บริเวณที่จับกุม เพราะเสี่ยงต่อการเรียกรับเงินหรือเป็นเหยื่อในสื่อโซเชียล ที่อาจจะถ่ายคลิปไปอ้างว่าตำรวจเรียกรับเงินได้

จุดที่จะเปรียบเทียบปรับให้ขยับไปอีก 2 กิโลเมตร โดยให้ไปปรับที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวง พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างน้อย 3 ตัว มีนักศึกษาฝึกงานร่วมที่จุดเปรียบเทียบปรับ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส

นักศึกษาฝึกงานเหล่านี้คาดว่าจะสามารถรับอารมณ์จากชาวบ้านได้ดีกว่า ที่สำคัญคือกระบอกเสียงของตำรวจในวันข้างหน้า ให้นักศึกษามีความรู้สึกว่า อาชีพตำรวจวันๆหนึ่ง ต้องเจอกับเหตุการณ์อะไรบ้าง จะได้ซึมซับความรู้สึกของตำรวจด้วย

รูปแบบการทำงานของตำรวจทางหลวงจะนำเอาเรื่อง IT เทคโนโลยีมาใช้ที่จุดตรวจ เมื่อชาวบ้านที่ถือใบสั่งเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบประวัติตามระบบหมายจับ ให้ตำรวจอธิบายข้อหาที่กระทำความผิด เช่น ขับรถเร็ว เปลี่ยนช่องทาง ฝ่าฝืนเครื่องหมาย หรือข้อหาอื่นๆ

หากเป็นการกระทำความผิดครั้งแรกจะให้ตำรวจทำการ ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมกับจัดเก็บข้อมูลไว้ ยังไม่มีการปรับ แต่หากพบว่าทำผิดซ้ำครั้งที่สองถึงจะจับกุมดำเนินคดี

...

ที่สำคัญจุดตรวจจะต้องไม่มั่ว

ไม่ใช่นึกอยากจะตั้งตรงไหนก็ได้ ต้องมีเหตุผลรองรับทั้งอาชญากรรม และการลดอุบัติเหตุ

แนวคิดการปรับจุดตรวจ ด่านตรวจของตำรวจทางหลวงของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เป็นการมองที่ต้นเหตุของปัญหา แก้ไขจุดอ่อนตำรวจสอบสวนกลางได้อย่างตรงจุด และการดึงกลุ่มนักศึกษาฝึกงาน และชาวบ้านเข้ามาเป็นแนวร่วมตำรวจ เพื่อให้ตำรวจทางหลวงทำงานได้ง่ายขึ้น

ถ้าทำได้ตำรวจทางหลวงจะบังคับใช้กฎหมายอย่างมีศักดิ์ศรี

คนที่ใช้รถใช้ถนนเกรงกลัวกฎหมายมากกว่านี้แน่.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th