อีก 40 วัน เลือกตั้ง อบจ. เปิดแนวรบ "ก้าวหน้า" สงครามครั้งใหม่ "ธนาธร"

• การเลือกตั้ง "อบจ." ครั้งแรกในรอบ 6 ปี มีผู้สมัครทั้งสิ้น 8,521 คน
• มีเวลาหาเสียง 40 วัน เดิมพันครั้งใหม่ "คณะก้าวหน้า-ธนาธร"  
• กลุ่มมวลชนเสื้อเหลือง ชูประเด็น ปกป้องสถาบัน ออกมาขับไล่-ต่อต้าน
• "ศรีสุวรรณ" ร้องศาลรัฐธรรมนูญ "คณะก้าวหน้า" สมคบกันดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง เข้าข่ายมีความผิดพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560

ผ่านพ้นไปแล้วกับการรับสมัคร นายก อบจ. และสมาชิก อบจ. ในการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด “76 จังหวัด” ครั้งแรกในรอบ 6 ปี ภายหลังการรัฐประหารรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่เปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 2-6 พ.ย.63 ที่ผ่านมา

จำนวนผู้สมัคร ใน 76 จังหวัด

สรุป มีผู้สมัคร ทั้งสิ้นจำนวน 8,521 คน แบ่งออกเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ. 335 คน ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิก อบจ. จำนวน 8,186 คน จังหวัดที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง มากที่สุด คือ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 352 คน แยกเป็นนายก อบจ. จำนวน 8 คน และสมาชิก อบจ.จำนวน 344 คน

3 จังหวัด สมัครนายก อบจ.คนเดียว สู้กับตัวเอง

ส่วนจังหวัดที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งน้อยที่สุด คือ จังหวัดเพชรบุรี  34 คน ประกอบด้วย นายก อบจ. 1 คน  และสมาชิก 33 คน เช่นเดียวกับ จ.กระบี่ และอุทัยธานี ที่มีผู้สมัครในตำแหน่งนายก อบจ.คนเดียว

อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดว่า "ผู้สมัครนายก อบจ.ดังกล่าว (มีผู้สมัครคนเดียว) จะต้องได้คะแนนรับเลือกตั้งมาไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น และมากกว่าคะแนนของผู้ไม่ประสงค์เลือกผู้สมัครใด ตามที่มาตรา 111 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562"

ทั้งนี้ มีจำนวนสมาชิกสภา อบจ.ใน 76 จังหวัด ทั่วประเทศ ทั้งหมด 2,268 ตำแหน่ง

มีเวลาหาเสียง 40 วัน 

กำหนดเลือกตั้ง คือ ในวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2563

เท่ากับมีเวลาขับเคี่ยวหาเสียงนับจากวันนี้ รวมแล้ว ประมาณ 40 วัน ไม่มากไม่น้อย

จับตากลุ่มก้าวหน้า "ธนาธร" ลุยเอง

ทั้งนี้ ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง คือ บทบาทนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ 

ธนาธร ทั้งออกเดินสายเปิดตัวผู้สมัคร ช่วยเดินหาเสียง เริ่มจากภาคเหนือ ไล่ลงมาภาคกลาง แรกๆ เพียงแค่ "ถูกจับตา" แต่ช่วงหลังเริ่มมีกลุ่มคนออกมาต่อต้าน ทั้งที่ระยอง สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปราจีนบุรี ฯลฯ

มวลชนเสื้อเหลืองขับไล่ อ้าง"ปกป้องสถาบัน" 

วันที่ 10 พ.ย. นายธนาธร มีกำหนดการลงพื้นพบปะชาวบ้านและช่วย นายธัชชัย เมตโต ผู้สมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.สมุทรปราการ ได้กลุ่มคนสวมเสื้อสีเหลือง มารวมตัวกันบริเวณหน้าวัดพิชัยสงคราม ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมกับชูป้ายข้อความ เตรียมรอโห่ไล่

ทำให้นายธนาธร ยกเลิกการลงพื้นที่ และเปลี่ยนพิกัดไปที่ซอยวัดหลวงพ่อโต ม.11 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ช่วย นายธัชชัย เมตโต หาเสียง

ล่าสุด วันที่ 11 พ.ย. ที่จ.นครศรีธรรมราช มวลชนสวมเสื้อเหลือง ได้มาดักรอที่หน้าโรงแรมราวดี ถนนอ้อมค่าย ต.ปากพูน พร้อมส่งเสียงขับไล่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เดินทางลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียง

มีแกนนำได้กล่าวโจมตีนายธนาธร พร้อมยืนยันออกมาเพื่อปกป้องสถาบันเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับผู้สมัครนายก อบจ. มีการล้อมรถยนต์ ที่พยายามขับฝ่ากลุ่มผู้ชุมนุม ทุบรถ ให้เปิดกระจก

ศรีสุวรรณ ร้องกกต."เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง"

และก่อนหน้าเพียงนั้นวันเดียว ที่สำนักงานกกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้เดินทางมายื่นหนังสือ ระบุว่า..

"ตามที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ที่ร่วมกันตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมาโดยมีการกำหนดตำแหน่งประธาน กรรมการ และเลขาธิการ โดยมีภาพเครื่องหมายของคณะเช่นเดียวกันกับพรรคการเมือง และดำเนินกิจกรรมต่างๆ เฉกเช่นเดียวกับพรรคการเมือง เช่น การจัดประชุมเปิดตัวผู้สมัคร และส่งคนสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) กว่า 40 จังหวัด ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปแล้วนั้น

พฤติการณ์ หรือการกระทำดังกล่าวของ นายธนาธร นายปิยบุตร และ น.ส.พรรณิการ์ กับพวก จึงเป็นการสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง จึงอาจเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ม.111

ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี”

นอกจาก นายธนาธร นายปิยบุตร และ น.ส.พรรณิการ์ ที่ดําเนินกิจการในลักษณะเช่นเดียวกับพรรคการเมือง แต่ทว่าผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามกลุ่มก้าวหน้า โดยใช้สัญลักษณ์ หรือโลโก้กลุ่มในสื่อหาเสียงต่างๆ และให้ นายธนาธร นายปิยบุตร และ น.ส.พรรณิการ์ ไปร่วมปราศรัย เดินรณรงค์หาเสียง ก็อาจเข้าข่ายสมคบกันกับบุคคลทั้ง 3 ด้วยเช่นกัน

การที่ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ถูกกำหนดขึ้นมาก็เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ ไปจดแจ้งต่อ กกต. เพื่อที่จะได้มีกลไกทางกฎหมายในการควบคุม ดูแล โดยเฉพาะเพื่อให้มีความรับผิดชอบต่อประชาชน หาพรรคการเมืองไปดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่อาจผิดกฎหมาย แต่การเลี่ยงบาลีโดยการไปจัดตั้งกลุ่มการเมืองขึ้นมา เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งอาจต้องใช้เงินใช้ทองมหาศาลในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมือง แต่ไม่มีการจดแจ้งก่อตั้งต่อ กกต.ตามที่กฎหมายกำหนด เช่นนี้ สังคม หรือ กกต.จะไปตรวจสอบการทำงาน ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน หรือความโปร่งใส ได้อย่างไร

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองหรือไม่ อย่างไร หากพบว่าผิด กกต.จักต้องดำเนินการเอาโทษทางกฎหมาย และเพิกถอนสิทธิในการสมัคร อบจ.ต่อไป"

เหมือนว่าสงครามได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่าแม่ทัพของฝ่ายหนึ่ง คือ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ"

ดังที่เขาเคยประกาศไว้ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 ที่อาคารไทยซัมมิท จะส่งลงผู้สมัคร อปท. 4,000 แห่ง ภายใต้อุดมการณ์ "ทำการเมืองท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ยึดโยงกับประชาชน ตอบโจทย์คนท้องถิ่นอย่างแท้จริง"

เขายืนยันว่า "จะการแข่งขันด้วยอุดมการณ์ ความจริงใจ ความคิดสร้างสรรค์ เอานโยบาย มาพัฒนาเมือง ท้องถิ่น จังหวัด จะไม่มีการใช้เงินซื้อเสียง"

ที่สำคัญนี่คือ  "การต่อสู้กับเผด็จการ เพราะหลังยึดอำนาจเมื่อปี 2557 คสช.ได้ดึงอำนาจกลับเข้าสู่ส่วนกลางหมด ไม่ว่าจะเป็นการปลดนายกท้องถิ่น แต่งตั้งข้าราชการส่วนกลาง หรือแม้แต่ให้ทหารไปร่วมจัดสรรงบประมาณ"

สุดท้าย หาก "ธนาธรและคณะ" สามารถฝ่าไปได้จนถึงด่านสุดท้าย คือ การเลือกตั้งในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 วันนั้นคะแนนเสียงที่ได้มา น่าจะเป็นตัวชี้วัดว่า คนไทย "เลือกใคร" และ "เลือกอะไร"

จะเลือกเดินไปข้างหน้า ย่ำอยู่กับที่ หรือถอยหลังลงคลอง อีก 40 วันรู้กัน!