ชาวชุมชนหลังหมอชิตเก่า ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ และปลัดกทม. คัดค้านการเวนคืนที่ดิน หวั่นเป็นการเอื้อประโยชน์โครงการเอกชน อาจขัดต่อเจตนารมณ์หรือหลักการของ พ.ร.บ.เวนคืนฯ

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนประชาชนที่อาศัยอยู่ชุมชนหลังหมอชิตเก่า ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. และนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกทม. เพื่อคัดค้านการเวนคืนที่ดินของประชาชนหลังหมอชิตเก่ายาวไปจนทะลุถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อนำไปสร้างทางยกระดับ หรือถนนลอยฟ้า

นางสาววินินท์อร ปรีชาพินิจกุล ในนามผู้แทนชุมชนหลังหมอชิตเก่า กล่าวว่า เปิดเผยว่า พวกเราไม่เห็นด้วยกับการเวนคืนที่ดินของประชาชนหลังหมอชิตเก่าทะลุยาวไปถึงถนนภาวดีรังสิต เพื่อนำไปสร้างทางถนนลอยฟ้า เพื่อใช้เป็นทางออกจากโครงการคอมเพล็กซ์ของเอกชน

โดยอ้างว่าเพื่อเป็นทางเข้า-ออกของสถานีรับ-ส่งผู้โดยสาร ซึ่ง บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่จะย้ายกลับมาอยู่ในโครงการนี้ เพราะนอกจากจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนต้องถูกเวนคืนที่ดินที่อยู่อาศัยแล้ว ยังเห็นว่าขัดต่อหลักการพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน และการให้รัฐได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2562 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า

ต้องเป็นการเวนคืนเพื่อการเป็นสาธารณูปโภค การป้องกันประเทศหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ถนนลอยฟ้าที่จะสร้างขึ้นมานี้น่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับโครงการคอมเพล็กซ์ของเอกชนมากกว่า เพราะสัดส่วนการใช้ประโยชน์ของบริษัท ขนส่ง จำกัด ซึ่งเป็นของรัฐ ที่เข้าไปใช้พื้นที่ในโครงการนี้เพื่อประโยชน์สาธารณะ มีสัดส่วนเพียง 13-15% เท่านั้น

...

ส่วนอีก 85% เป็นพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์เพื่อการพาณิชย์ของเอกชน ที่จะทำเป็นศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์ประชุม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อาคารเช่าจอดรถ เป็นต้น การย้ายสถานีรถ บขส.กลับมาอยู่ในโครงการสัมปทานดังกล่าว ถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้าง หรือเหตุผลที่จำเป็นต้องมีการสร้างถนนลอยฟ้าเพื่อใช้เป็นทางเข้า- ออกจากโครงการคอมเพล็กซ์สู่ถนนวิภาวดีรังสิต และเชื่อมต่อกับทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์สำหรับการสัญจรของรถ

ทั้งนี้ บขส.ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในแนวเขตถนนลอยฟ้าต้องถูกเวนคืนที่ดิน ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2563 ประกาศไว้ ณ วันที่ 20 ส.ค. 63 จำนวน 35 แปลง รวมระยะทางกว่า 530 เมตร ซึ่งการเวนคืนที่ดินไม่มีเพียงแต่มีผลทำให้ประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนได้รับความเดือดร้อนเท่านั้น

แต่ยังต้องใช้งบประมาณจากเงินภาษีของประชาชนมาเป็นค่าเวนคืนที่ดินและก่อสร้างถนนลอยฟ้าเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับโครงการเชิงพาณิชย์ของเอกชนเสียมากกว่า ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียเงินงบประมาณจากภาษีประชาชน รวมทั้งค่าเวนคืนที่ดินและค่าก่อสร้างไม่น่าจะต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

"ประชาชนชุมชนหลังหมอชิต ขอย้ำว่า เราไม่ได้คัดค้านโครงการคอมเพล็กซ์ที่จะเกิดขึ้นบนพื้นที่หมอชิตเก่า ที่กรมธนารักษ์ให้สัมปทานเอกชนเป็นเวลา 30 ปี และต่อสัญญาได้อีกคราวละ 10 ปี แต่เราคัดค้านการย้ายสถานีรับ-ส่งผู้โดยสาร บขส.กลับมาที่หมอชิตเก่า และคัดค้านการใช้งบประมาณจากเงินภาษีของประชาชนมาเวนคืนที่ดินและสร้างถนนลอยฟ้า เพื่อใช้เป็นทางเข้า-ออกที่โครงการเพื่อการพาณิชย์ของเอกชนได้รับประโยชน์มากกว่าประโยชน์สาธารณะ จึงอาจนำไปสู่การตั้งข้อสงสัยของสังคมได้ว่า การเวนคืนที่ดินครั้งนี้อาจมีความไม่ชอบธรรมในขั้นตอนการดำเนินการ หรืออาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายหรือไม่"

นางสาววินินท์อร กล่าวอีกว่า การย้ายสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารของ บขส.กลับเข้ามากระจุกตัวบนพื้นที่หมอชิตเก่า ยังจะสร้างความแออัดและสร้างปัญหาการจราจรให้กับพื้นที่โดยรอบบริเวณดังกล่าวที่ปัจจุบันประสบปัญหาการจราจรติดขัดอย่างแสนสาหัสทั้งในยามปกติและชั่วโมงเร่งด่วนหนักหนาอยู่แล้วให้ย่ำแย่ลงไปอีก ยังไม่นับในช่วงเวลาที่เป็นเทศกาลที่มีวันหยุดยาวที่จะมีประชาชนต้องเดินทางเข้าเมืองมาจากทุกสารทิศมากระจุกตัว เพื่อมาใช้บริการรถโดยสาร บขส.เดินทางออกไปต่างจังหวัด

นอกจากนี้ยังจะสร้างมลพิษและเพิ่มปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับพื้นที่โดยรอบและบริเวณใกล้เคียง ทั้งในระหว่างการก่อสร้างและหลังก่อสร้างที่จะมีประชาชนแออัดเข้ามาใช้บริการสำหรับสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารของ บขส.หรือสถานีขนส่งหมอชิต 2 ที่ปัจจุบันตั้งอยู่บนถนนกำแพงเพชร 2 ยังถือเป็นทำเลและพื้นที่ที่มีความเหมาะสมกับการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถโดยสารและระบบราง

...

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นศูนย์กลางคมนาคมแห่งใหม่ ที่รวมระบบขนส่งมวลชนระบบรางทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ไว้ในที่เดียวกัน รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงที่จะเปิดบริการช่วงปี 2564-2565 ซึ่งอยู่ใกล้เคียง และเชื่อมต่อกับสถานี บขส.ที่หมอชิต 2 มากกว่า

ทั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความสะดวก ลดปัญหาการจราจรที่ติดขัด และประหยัดเวลาในการเดินทาง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขนส่งและการเดินทางของประชาชนมากกว่า โดยไม่มีเหตุผลความจำเป็นที่จะย้ายสถานีรับ-ส่งผู้โดยสาร บขส.กลับมาที่หมอชิตเก่า เพื่อสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นเพิ่มอีก.