"บิณฑ์" สวมเสื้อสีชมพู เฝ้าฯ รับเสด็จ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ปกป้องสถาบัน เชื่อไม่มีเหตุม็อบชนม็อบ เพราะไม่ใช่นักปลุกม็อบ
ตามที่ รัฐบาลเชิญชวนประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝน เป็นเครื่องทรงฤดูหนาว ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ในวันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 17.00 น.

ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา บริเวณหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เริ่มมีประชาชนสวมเสื้อสีเหลืองจากหลายจังหวัดทยอยเดินทางมาปักหลักจับจองที่นั่งตลอดสองฝั่งในเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินตั้งแต่รอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง สนามหญ้าหน้าศาลาสหทัยสมาคม-ศาลาลูกขุนในพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลานจากหน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ไปจนถึงแยกป้อมเผด็จดัสกรง เพื่อรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ซึ่งจะเสด็จฯมาทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพื่อทรงเครื่องสำหรับฤดูหนาว ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
...
โดยประชาชนที่จะเข้ารับเสด็จต้องผ่านเครื่องสแกนอาวุธ ตรวจกระเป๋า บัตรประชาชน ก่อนผ่านเข้ามาในพื้นที่ โดยมีตำรวจและเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังมาคอยจัดที่นั่งเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ขณะที่ กรุงเทพมหานครได้นำรถสุขามาคอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้วย
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยงานแพทย์จัดชุดแพทย์และพยาบาลคอยดูแลประชาชนที่มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดไม่ให้ล้มป่วย และโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังจัดอาหารว่างและเครื่องดื่มอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทุกคน
ประชาชนที่เดินทางมาในวันนี้ ส่วนใหญ่ระบุว่า ตั้งใจมาตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อจับจองพื้นที่ให้อยู่ใกล้กับขบวนเสด็จฯมากที่สุด จะได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว

ขณะที่ นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดัง กล่าวว่า วันนี้จะรวมตัวเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี บริเวณหน้าวัดพระแก้ว เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี การเชิญชวนประชาชนสวมเสื้อเหลืองมารอรับเสด็จในวันนี้ ไม่ได้ทำไปเพื่อปลุกระดมในช่วงที่มีอีกฝ่ายเคลื่อนไหวให้ปฏิรูปสถาบัน และให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องการแสดงออกถึงความรักสถาบันเท่านั้น
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พร้อมด้วย นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ อดีตดารานักแสดงชื่อดัง เดินทางถึงพื้นที่ถนนราชดำเนินใน ด้านข้างสนามหลวง ซึ่งเป็นจุดที่นัดแสดงพลังปกป้องสถาบัน และเฝ้าฯ รับเสด็จ โดยทั้งคู่สวมเสื้อสีชมพู ผ้าพันคอสีเหลือง ซึ่งทันทีที่ทั้งคู่เดินทางมาถึง ได้เข้าไปไหว้สักการะศาลหลักเมือง และสักการะพระแก้วมรกต วัดพระศรีรัตนศาสดารามจากท้องสนามหลวง
ทั้งนี้ นายบิณฑ์ เผยช่วงหนึ่งว่า ตนได้ไหว้ขอพรจากศาลหลักเมือง ขอให้คนที่มารับเสด็จวันนี้แคล้วคลาดปลอดภัย อย่ามีเรื่องอะไรที่ไม่ดี และเชื่อว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้นในที่สุด ซึ่งในวันนี้ตนรูสึกดีใจมาก เพราะพราะบารมีของในหลวงและพระราชินีทำให้มีประชาชนออกมาร่วมรับเสด็จด้วยใจบริสุทธิ์ ซึ่งตนตั้งใจว่าวันนี้จะได้กราบแทบพระบาท และอยากเห็นพระพักตร์ในหลวงที่มีแต่รอยยิ้ม เมื่อได้รู้ว่าคนไทยจำนวนมากยังคงจงรักภักดีต่อสถาบัน
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าถึงเวลาที่เราคนไทยทุกคนจะต้องออกมาร่วมกันแสดงจุดยืน เพราะสถาบันกำลังถูกย่ำยี จาบจ้วง ดังนั้นการออกมาในวันนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนไทยยังต้องการสถาบัน
นายบิณฑ์ กล่าวอีกว่า ตนเองออกมาแสดงจุดยืนด้วยดวงใจอันบริสุทธิ์ในการปกป้องสถาบัน ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จริงๆ ตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ที่ผ่านมาจะมีความพยายามดึงตนเข้าไปเกี่ยวโยง ทั้งนี้การที่มีคนมาโจมตีตนนั้นก็เพื่อให้ตนเลิกล้มความตั้งใจที่จะออกมาปกป้องสถาบัน แต่ยิ่งด่า ตนก็ยิ่งฮึกเหิมที่จะออกมาปกป้องสถาบัน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ในส่วนของต่างจังหวัด หากต้องการให้ตนไปร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่นำไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนก็พร้อมและยินดีที่จะเดินทางไป
...
เมื่อถามว่ากังวลจะเกิดเหตุม็อบชนม็อบหรือไม่ นายบิณฑ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มี เพราะตนไม่ใช่นักปลุกม็อบ ไม่มีเงินทุน ตนเพียงแค่เชิญชวนคนที่รักสถาบันออกมาร่วมรับเสด็จ ซึ่งจะออกมาแสดงพลังอีกครั้งในวันที่ 5 ธ.ค. ไม่ใช่อยู่ๆ จะเรียกร้องให้คนออกมาชุมนุม
นายบิณฑ์ กล่าวอีกว่า อยากฝากถึงคนที่คิดต่างว่า การคิดต่างในเรื่องการเมือง สามารถคิดต่างได้แต่อย่าคิดต่างในเรื่องของสถาบัน และอยากบอกว่าอย่าทำให้คนไทยรู้สึกโกรธแค้นด้วยการย่ำยีสถาบันที่คนไทยรักและเคารพ ส่วนการที่บอกว่าต้องการปฏิรูปสถาบันไม่ต้องการล้มล้างนั้น ตนมองว่า คำว่าปฏิรูป และคำว่าล้มล้างคือคำเดียวกัน โดยเฉพาะข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ซึ่งเห็นว่าไม่ใช่การปฏิรูปสถาบัน ดังนั้นการปฏิรูปดังกล่าว ท้ายที่สุดแล้วก็จะนำไปสู่จุดนั้นอยู่ดี.