วายแอลจี คาดหลังแบงก์ชาติเพิ่มทางเลือก ลงทุนออนไลน์ด้วยเงินตรา ตปท.ถือเป็นเรื่องดี ช่วยกระตุ้นนักลงทุนตัดสินใจง่ายขึ้น เผยตัวเลขปีนี้นักลงทุนหน้าใหม่หันซบตลาดทองคำออนไลน์ ชี้ส่วนหนึ่งเป็นนักลงทุนที่หาช่องทางเพิ่มรายได้หลังได้รับผลกระทบโควิดฯ มองราคาทองยังแกว่ง

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.63 น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับระบบนิเวศของการลงทุนในทองคำ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนที่สนใจซื้อขายทองเพื่อการลงทุน เช่น เทรดทองผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกชำระเป็นเงินบาท หรือเงินตราต่างประเทศผ่านบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ได้ โดยไม่ได้มีการบังคับให้ต้องเลือกใช้สกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งในการซื้อทองคำ ถือเป็นการปรับที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของการลงทุนทองคำออนไลน์ เพราะนักลงทุนสามารถดูปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในตลาดโลก และคำนวณเป็นเงินสกุลต่างประเทศเช่นดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ที่ในบางครั้งตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราในประเทศ อาจจะไม่สัมพันธ์กันกับเวลาในการซื้อขายทองคำ เช่น หากซื้อขายทองคำออนไลน์ในวันหยุดของธนาคาร ก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น 

ในปีนี้พบว่าตลาดซื้อขายทองคำออนไลน์มีความคึกคักมาก เพราะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่มองหาช่องทางการลงทุนใหม่ๆ ในช่วงที่สินทรัพย์อื่นๆ เริ่มซบเซา ทั้งตลาดหุ้นและน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้ง หลังมีความกังวลด้านความต้องการที่ต่ำลง ทั้งนี้พบว่าในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนซื้อขายทองเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มคนว่างงานที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งช่วงนี้ราคาทองเป็นจังหวะที่ดี เพราะในแต่ละวันราคาเปลี่ยนแปลงหลายรอบ ทำให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรระหว่างวันได้บ่อยขึ้น และมองว่ามาตรการของ ธปท.จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดทองคำออนไลน์คึกคักมากขึ้น 

...

นอกจากนี้ยังพบว่า มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนมากขึ้น ทั้งในแบบโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐฯ และโกลด์ฟิวเจอร์ส (Gold Futures) โดยในปีนี้มีจำนวนนักลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบ 3 เท่า หรือเพิ่มขึ้น 293% ซึ่งการลงทุนได้รับความสนใจมาก เพราะสามารถทำกำไรได้ทั้งภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง 

สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้มองว่า ยังมีทั้งปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยกดดันราคาทองที่ต้องจับตาทั้งสองด้าน โดยปัจจัยที่ต้องจับตาคือดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะหากดอลลาร์กลับมาแข็งค่าจะทำให้ราคาทองเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม มองว่าหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวรับ 1,902 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะปรับฐานไปที่ 1,884 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,848 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีโอกาสไปต่อได้