ลุ้น “อรรถพล ใหญ่สว่าง” ประธาน ก.อ. เสนอที่ประชุมสอบรอง อสส. หลังระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีสอบสวนวินัยรอง อสส.ประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่มีการสอบอัยการชั้นผู้ใหญ่ระดับรอง อสส. ขณะเดียวกัน มีการผลักดันให้ออกระเบียบสอบสวนบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดของอัยการคืออัยการสูงสุดด้วย เป็นกรณีที่ไม่เคยมีระเบียบอยู่เช่นกัน วัดใจ อสส.คนปัจจุบันจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ ด้านตำรวจแจงประเด็นสอบตำรวจ 10 นาย ตามที่คณะทำงาน “วิชา มหาคุณ” ชี้ ยันตั้งเป็นรูปคณะทำงานมี จตช. เป็นประธานโดยตำแหน่ง รับรองไม่ช้า ไม่มีปัญหา ใครมาดำรงตำแหน่งนี้สามารถทำงานต่อได้ทันที

กรณีสำนักข่าวต่างประเทศตีแผ่ข่าวอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี กรณีขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ชนรถ จยย. ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.2555 แล้วหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศจนถูกออกหมายจับ รวมทั้งออกหมายแดงตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) หลังการสั่งคดียืดเยื้อมากว่า 7 ปี ความผิดบางข้อหาหมดอายุความไปแล้ว เหลือแต่คดีหลักขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อมาอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องโดยตำรวจไม่มีความเห็นแย้งอย่างเงียบๆ ทำให้นายวรยุทธกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ หลังความแตกสร้างกระแสความไม่พอใจให้คนในสังคมอย่างรุนแรง จนหน่วยงานอัยการตำรวจ รวมไปถึงรัฐบาล ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคดีที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขคดีที่เกิดขึ้น ต่อมาคณะทำงานของตำรวจ อัยการ และชุดของนายวิชา มหาคุณ ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว มีผลให้ทุกฝ่ายกลับไปตรวจสอบหาข้อบกพร่องการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธอีกครั้งตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...

ความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 ก.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ว่า ในส่วนของการดำเนินการด้านวินัยข้าราชการตำรวจที่กระทำความผิดของเก่า 11 นาย ส่งไปยัง ป.ป.ช. เมื่อปี 2559 และ ป.ป.ช.ส่งกลับมาว่า เป็นความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรงให้ ตร.ลงโทษ ส่วน 10 คนที่ตรวจพบครั้งหลัง ตร.จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย หากพบเป็นคดีอาญาจะส่งไปยัง ป.ป.ช.เหมือนเดิม หาก 11 คนแรกตรวจพบมีความผิดใหม่ เราจะส่งไปที่กองวินัยพิจารณาทัณฑ์ตาม พ.ร.บ.ตำรวจกำหนดไว้ หากผิดอาญาต้องส่งไปที่ ป.ป.ช. สำหรับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเบื้องต้นขออนุมัติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เห็นควรให้จเรตำรวจเป็นประธานกรรมการสอบสวน เนื่องจากผู้กระทำความผิดอยู่ต่างสังกัด ในขั้นตอนนี้จเรตำรวจจะดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ เพื่อไม่ให้เป็นการผูกมัดตัวบุคคล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นที่สนใจของสังคม ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วที่สุด ดังนั้น การดำเนินการในขั้นตอนจเรตำรวจต้องดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ เพื่อไม่ให้เป็นการยึดติดตัวบุคคลที่จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ อีกทั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่ง จตช. เป็นตำแหน่งหลักที่จะต้องเป็นประธานการตรวจสอบ ดังนั้น เพื่อไม่ให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงต้องหยุดชะงัก จึงให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งจตช.ในขณะนั้นทำหน้าที่ประธานไปก่อน หากต้องเปลี่ยนแปลงบุคคลที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง จตช.แทน ทุกอย่างยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากการดำเนินการอยู่ในรูปแบบคณะกรรมการอยู่แล้ว

ส่วนการดำเนินการตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ของสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 9 ก.ย.นี้ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ จะเรียกประชุม ก.อ. เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีสอบสวนวินัยรอง อสส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว สามารถเริ่มลงมือสอบรอง อสส.ได้ แต่ทั้งนี้ที่ประชุม ก.อ. ต้องรอให้นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อสส. เป็นคนสั่งให้ตั้งเสียก่อนตามเงื่อนไข อีกวาระคือ นายอรรถพลจะผลักดันร่างระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสอบสวนวินัยอัยการสูงสุด ซึ่งยังไม่เคยมีมาก่อน เป็นที่จับตาว่า ในวาระนี้นายวงศ์สกุลจะเห็นชอบหรือไม่ เพราะนายวงศ์สกุลเองอยู่ในคณะกรรมการ ก.อ. ตำแหน่งรองประธานด้วย

สำหรับรายงานการสอบข้อเท็จจริงชุดนายวิชา มหาคุณ ที่มีรายละเอียดตอนหนึ่งเกี่ยวพันกับอัยการคนอื่นๆจะนำไปสู่การดำเนินคดีอาญาโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งต้องแจ้งที่ประชุม ก.อ.ทราบนั้น จนบัดนี้เรื่องดังกล่าวยังมาไม่ถึง ก.อ. นอกจากนี้ ในส่วนการสอบสวนคดีอาญา คดีนายวรยุทธที่พบพยานหลักฐานชิ้นใหม่ คณะทำงานที่อัยการตั้งขึ้นอยู่ระหว่างพิจารณา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้