หนุ่มวัย 34 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการ สำนักงานกฎหมาย ตกจากที่จอดรถชั้น 5 ห้างดังย่านพระราม 3 ด้านพ่อผู้เสียชีวิต ข้องใจเหตุใดเจ้าหน้าที่ห้างย้ายศพลูกก่อนตำรวจมาถึง
วันที่ 6 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.ธวัช จันทร์เทพ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางโพงพาง รับแจ้งจาก รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ว่ามีผู้ตกจากที่สูงภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 3 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. เข้ามารักษาแต่เสียชีวิต จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวชฯ รพ.จุฬาลงกรณ์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
บริเวณด้านข้าง รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ พบรถกระบะติดตั้งแครี่บอย หน้ารถติดสติกเกอร์คำว่า รถดับเพลิง บรรทุกศพ ชายคนหนึ่ง อายุ 34 ปี ใส่เสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขาสั้น ไม่สวมรองเท้า สภาพศีรษะซีกขวาแตกจนเกิดแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ กระดูกหักตามร่างกายหลายแห่ง มีเลือดและคราบสมองกระจัดกระจาย ถูกห่อด้วยผ้าร่มผืนใหญ่สีน้ำเงิน
โดยนอนอยู่บนบอร์ดพยาบาล ที่มีป้ายไวนิลปูรองพื้น มีทรัพย์สินติดตัวเพียงกระเป๋าสะพายข้างสีดำ 1 ใบ รองเท้าแตะสีดำ 1 คู่ บุหรี่ 1 ซอง แพทย์ระบุสาเหตุการตายเกิดจากการตกจากที่สูง คาดว่าเสียชีวิตจุดเกิดเหตุ
ร.ต.ท.ธวัช กล่าวว่า ได้ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นถนนด้านหลังติดกับลานจอดรถของห้าง มีร่องรอยการถูกทำความสะอาดไปแล้ว ขึ้นไปตรวจสอบบริเวณลานจอดรถคาดว่ากระโดดมาจากชั้น 5 เพราะมีก้นบุหรี่ตกที่พื้น 3 มวน และเป็นแนวเดียวกับจุดที่ตกลงไป นอกจากนี้ ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วยังไม่สามารถระบุเวลาเข้าออกได้ และมาด้วยพาหนะอะไรต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ
ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ห้างฯ ที่ผู้ขนย้ายมาส่งโรงพยาบาล อ้างว่า หลังเกิดเหตุคิดว่ายังมีชีวิตอยู่ จึงรีบนำร่างขึ้นบอร์ดปฐมพยาบาลรีบส่งให้ถึงมือแพทย์โดยเร็วที่สุด หลังจากนี้เบื้องต้นได้มอบศพส่ง รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
...
ด้านพ่อของผู้ตาย เดินทางมายื่นเอกสารต่อพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง พร้อมเปิดเผยว่า บุตรชายเพิ่งลาออกจากงานเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เกี่ยวกับสำนักงานกฎหมาย สืบคดี ทำวีซ่า และเวิร์กเพอร์มิท ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าเครียดเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน
ตนเห็นสภาพศพกะโหลกแตก สมองไหล ใครเห็นก็รู้ว่าเสียชีวิตจุดเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ของห้างฯ ใช้กฎหมายข้อไหนยกร่างส่งโรงพยาบาลทั้งที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้ที่มีความรู้ด้านการแพทย์ ถ้าห้างฯชี้แจงพร้อมหากฎหมายรองรับได้ตนก็เข้าใจ แต่ถ้าไม่มีกฎหมายรองรับตรงนี้ตนก็จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะเป็นการทำลายหลักฐานที่เกิดเหตุที่ยังไม่มีการพิสูจน์ทราบที่แท้จริงว่าโดดลงมาเองหรือถูกฆาตกรรม.