ภายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากทั่วโลก เพิ่มขึ้น 2.67 แสนราย มาอยู่ที่ 26,610,845 ราย รักษาหายแล้ว 17,717,911 ราย เสียชีวิต 874,379 ศพ จากการรายงานของศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เมื่อเวลา 12.28 น. วันที่ 5 ก.ย.
- สหรัฐฯ มีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต อันดับ 1 ของโลก ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 5.2 หมื่นราย มาอยู่ที่ 6,201,727 ราย เสียชีวิตรวม 187,765 ศพ ตามมาด้วยบราซิล ศูนย์กลางการระบาดหนักในลาตินอเมริกา มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต อันดับ 2 ของโลก ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 4.5 หมื่นราย มาอยู่ที่ 4,091,801 ราย เสียชีวิตรวม 125,502 ศพ
- อินเดีย มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต อันดับ 3 ของโลก และมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 8.7 หมื่นราย มากที่สุดในโลกในช่วงรอบวันที่ผ่านมา อยู่ที่ 4,023,179 ราย เสียชีวิตรวม 69,561 ศพ ขณะที่บังกลาเทศ มีผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 1,929 ราย มาอยู่ที่ 321,615 ราย เสียชีวิตรวม 4,412 ศพ
- กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของรัสเซียได้ทดลองวัคซีนโควิดเป็นครั้งที่สอง พบว่ามีการผลิตแอนติบอดี้และไม่พบผลข้างเคียงรุนแรงในกลุ่มอาสาสมัครผู้เข้าร่วมทดลอง และจะต้องมีการทดลองทางคลินิกเพิ่มอีกในเฟส 3 ขณะที่องค์การอนามัยโลก คาดการณ์การใช้วัคซีนโควิด ในวงกว้างอาจต้องรอไปจนถึงกลางปี 2564 โดยจะต้องตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน
- สถานการณ์ในกลุ่มประเทศอาเซียน ศูนย์กลางการแพร่ระบาดหนักยังอยู่ที่ฟิลิปปินส์ ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 3,669 ราย มาอยู่ที่ 232,072 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 49 ศพ มาอยู่ที่ 3,737 ศพ ตามมาด้วยอินโดนีเซีย ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 3,269 ราย มาอยู่ที่ 187,537 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 82 ศพ มาอยู่ที่ 7,832 ศพ
- สิงคโปร์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ อันดับ 3 ในอาเซียน ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 40 ราย มาอยู่ที่ 56,948 ราย เสียชีวิตคงที่ 27 ศพ ส่วนมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อ อันดับ 4 ในอาเซียน ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 11 ราย มาอยู่ที่ 9,385 ราย เสียชีวิตคงที่ 128 ศพ
- ส่วนสถานการณ์ในเมียนมายังคงวิกฤติภายหลังระบาดหนักในรัฐยะไข่และลุกลามต่อเนื่อง ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 60 ราย มาอยู่ที่ 1,171 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ศพ มาอยู่ที่ 7 ศพ และเวียดนาม ผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 3 ราย มาอยู่ที่ 1,049 ราย เสียชีวิตคงที่ 35 ศพ
- ไทยอันดับ 121 ของโลก พบผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าพัก State Quarantine รวมผู้ป่วยสะสม 3,438 ราย แยกเป็นผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ 2,445 ราย และผู้ป่วยใน State Quarantine จำนวน 500 ราย ทั้งหมดหายป่วยแล้ว 3,279 ราย เสียชีวิตคงที่ 58 ศพ
- ผู้ป่วยรายแรก ชาย อายุ 40 ปี สัญชาติบราซิล เดินทางจากอินโดนีเซียมาถึงไทย วันที่ 20 ส.ค. เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยก่อนหน้า 1 ราย เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 2 ก.ย. พบเชื้อ โดยไม่มีอาการ
- ผู้ป่วยรายที่สอง นักเรียนหญิง อายุ 16 ปี สัญชาติอเมริกัน เดินทางจากสหรัฐฯ มาถึงไทย วันที่ 27 ส.ค. เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกรุงเทพฯ ตรวจพบเชื้อ วันที่ 3 ก.ย. โดยไม่มีอาการ
- ผู้ป่วยอีก 2 ราย นักเรียนชาย อายุ 18 ปี และหญิง อายุ 45 ปี ทั้งคู่สัญชาติรัสเซีย เดินทางจากรัสเซีย มาถึงไทยวันที่ 31 ส.ค. เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 พบเชื้อ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. โดยไม่มีอาการ
- ผู้ป่วย 2 ราย เดินทางมาจากอินเดีย คนแรกเป็นชาย อายุ 43 ปี สัญชาติอินเดีย มาถึงไทยวันที่ 31 ส.ค. และนักเรียนหญิง อายุ 14 ปี สัญชาติอินเดีย เดินทางมาถึงไทยวันที่ 1 ก.ย. ทั้งคู่เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกรุงเทพฯ ตรวจครั้งที่ 1 พบเชื้อ เมื่อวันที่ 1 ก.ย. โดยไม่มีอาการ
- ผู้ป่วยรายสุดท้าย ชาย อายุ 24 ปี สัญชาติบังกลาเทศ เดินทางจากบังกลาเทศมาถึงไทย วันที่ 2 ก.ย. เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกรุงเทพฯ ตรวจครั้งที่ 1 พบเชื้อ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. โดยไม่มีอาการ
- สถิติผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเดินทางมาจากต่างประเทศมาไทย 10 อันดับแรก พบว่า 1.ประเทศอินโดนีเซีย มากสุด 80 ราย 2.อียิปต์ 53 ราย 3.อินเดีย และ สหรัฐฯ จำนวนเท่ากัน 50 ราย 4.คูเวต 45 ราย 5.ซาอุดีอาระเบีย 44 ราย 6.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 31 ราย 7.ซูดาน 25 ราย 8.กาตาร์ 15 ราย 9.ปากีสถาน 14 ราย และ 10. สิงคโปร์ 13 ราย
- จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่รักษา ทั้งผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ และผู้ป่วยใน State Quarantine โดยกรุงเทพฯ และนนทบุรี มีจำนวน 1,857 ราย ภาคใต้ 744 ราย ภาคกลาง 630 ราย ภาคอีสาน 112 ราย และภาคเหนื 95 ราย.
...