“สายป่าน-อภิญญา” นักแสดงสาวคนดัง เจ้าของบริษัทขายอุปกรณ์ดำน้ำพร้อมทนายยื่นฟ้องครูสอนดำน้ำ ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กล่าวหาสินค้าไม่มีคุณภาพ ทำให้ธุรกิจ ชื่อเสียง วงศ์ตระกูล ถูกกระทบ เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท พร้อมเงินรายเดือนอีกเดือนละ 1 แสนบาท จนกว่าชื่อเสียงจะกลับคืน ศาลนัดไต่สวนต้นปี 64 เจ้าตัวยืนยันเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วต้องเจรจาไกล่เกลี่ย กันในชั้นศาลตามกระบวนการ

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ส.ค. สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข นักแสดงสาวคนดัง พร้อมนายเกรียงชัย วิศิษฎ์สรอรรถ ทนายความ เดินทางมาเป็นโจทก์ที่ 1 บริษัทบูลพรอดิจี 2020 โดยสายป่าน-อภิญญา เป็นโจทก์ที่ 2 ยื่นฟ้องนายวรพันธ์ อุดมพงษ์ ครูสอนดำน้ำ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตาม ป. อาญา ม.328 ม.332 โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาทและค่าเสียหายรายเดือนอีกเดือนละ 1 แสนบาท จนกว่าจะแก้ไขให้ชื่อเสียงของโจทก์กลับคืน

ในคำฟ้องบรรยายว่าโจทก์เป็นดารานักแสดงเป็นที่รู้จัก ประกอบธุรกิจบริษัทบูลพรอดิจี 2020 ขายอุปกรณ์ดำน้ำ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.-16 ก.ค.63 นายวรพันธ์ อุดมพงษ์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความต่างๆ ทำนองว่าสินค้าของโจทก์ที่นำเข้ามาจากประเทศกรีซ อาทิ อุปกรณ์ตีนกบหรือฟินส์ หากถูกทับจะชำรุด รวมทั้งเขียนข้อความอื่นๆบิดเบือนความจริง ทำให้ผู้ที่เห็นข้อความเข้าใจผิดว่า สายป่าน-อภิญญาหลอกขายของ จากนั้นมีคนเข้ามาคอมเมนต์ต่อว่าไม่น่าเชื่อถือ และมีลูกค้ามาขอยกเลิกสั่งซื้อสินค้าหลายราย ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของโจทก์เป็นอย่างมาก แฟนคลับของโจทก์ก็เข้าใจผิดว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ตีสองหน้า หลอกขายสินค้า ทำให้กระทบต่อธุรกิจและงานแสดง ได้รับความเสียหายหลายล้านบาท รวมทั้งเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูล มีผลกระทบต่อครอบครัว คิดมูลค่าความเสียหายเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท แต่โจทก์เรียกค่าเสียหายเพียง 5 ล้านบาทและค่าเสียหายเดือนละ 1 แสนบาทจนกว่าจะแก้ไข

...

นายเกรียงชัยเปิดเผยว่า เท่าที่คุยกับสายป่าน-อภิญญา เจ้าตัวไม่ได้อยากจะค้าความ แต่ต้องการทำให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างเพราะธุรกิจเสียหายกว่า 10 ล้านบาท แต่เรียกค่าเสียหายตามสมควรเพียง 5 ล้านบาท แม้จำเลยจะลบโพสต์ แต่ถือว่าความผิดสำเร็จไปแล้ว คดีนี้ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำที่ อ.2202/63 นัดไต่สวนวันที่ 18 ม.ค.64

ขณะที่สายป่าน-อภิญญากล่าวว่า ไม่เคยรู้จักนายวรพันธ์ที่เป็นครูสอนดำน้ำมาก่อนและไม่ใช่คู่ค้าทางธุรกิจ หลังตนชี้แจง คู่กรณีก็ลบโพสต์ดังกล่าวออกไปโดยที่ไม่ได้โพสต์ชี้แจงถึงความเข้าใจผิดให้คนอื่นรับทราบหรือไม่มีท่าทีเจตนาจะเข้ามาพูดคุยขอโทษแต่อย่างใด ทั้งนี้ ธุรกิจของตนนับว่าดีมาตลอดพอถูกโพสต์หมิ่นประมาททำให้ยอดจองสินค้าถูกยกเลิกเสียหาย และเมื่อมาถึงจุดนี้ ต้องเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาลตามกระบวนการ