อุณหภูมิการเมืองช่วงนี้ ร้อนปรอทแทบแตก จากม็อบเยาวชนปลดแอก FreeYOUTH เคลื่อนไหว ชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ยกระดับการชุมนุมเป็น "ประชาชนปลดแอก" จนมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมนับหมื่นคน ลามไปถึงโรงเรียน เด็กมัธยมต้น มัธยมปลาย หลายจังหวัด กล้าที่จะจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทั้ง ชู 3 นิ้ว ผูกโบสีขาวต้านเผด็จการ ถือกระดาษขาว หลังเคารพธงชาติ ก่อนเลิกเรียน ภายในโรงเรียนเป็นรายวัน ยิ่งทำให้การันตีเป็นม็อบคุณภาพ ระดับ "ปัญญาชน" ดู "จุดติด" มีพลังขึ้นมาทันที

ต้องถือเป็นความสำเร็จของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่สามารถนำผู้คนจำนวนมาก และมากที่สุดตั้งแต่ปฏิวัติ คสช. มา 6 ปี มารวมกันเดินลงถนนราชดำเนิน พร้อมส่งสัญญาณไปถึง "รัฐบาล" โดยเยาวชนงัดการใช้กลยุทธ์โซเชียล สื่อสารผ่าน ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก ไอจี ยูทูบ เพื่อนัดหมายรวมกลุ่ม ตามสไตล์เด็กรุ่นใหม่ ไม่ต้องการปะทะ ใช้กำลัง เข้าแลก เข้าลุยเหมือนก่อน

จนทำเอาฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหารไม่กล้าผลีผลาม โดยเฉพาะ 3 ข้อเรียกร้องของแกนนำม็อบ จึงดูน่าเกรงขาม ที่รัฐต้องฟัง รัฐบาลต้องหยุดคุกคามประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตย รัฐบาลต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากเจตจำนงของประชาชน เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชนอย่างแท้จริง และรัฐบาลต้องยุบสภา เพื่อเป็นการเปิดทางให้ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงในการเลือกผู้แทนฯ ได้ พร้อมทั้งย้ำจุดยืน 2 ประเด็น คือ ต้องไม่มีการทำรัฐประหาร และต้องไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่ละข้อทำเอาบิ๊กรัฐบาลถึงกับนั่งไม่ติด

...

แถมขีดเส้นตายในเรื่องของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ถ้าภายในเดือนกันยายนนี้ ยังนั่งอยู่ในสภา 250 คน ไม่มีการแก้ไขอะไร ก็จะมีการยกระดับการชุมนุมต่อไป หากไม่ตอบสนอง ต้องเจอปัญหาหนักกว่านี้แน่!!

ภาพผู้ชุมนุมที่แออัดเต็มพื้นที่ราชดำเนินกลาง ยาวไปถึงรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทะลุถึงแยกคอกวัว แกนนำผลัดกันขึ้นมาปราศรัยกันอย่างเมามัน เรียกเสียงเฮ เสียงปรบมือจากเยาวชน นักเรียน ประชาชน ที่มาด้วยใจ และต้องการมีส่วนร่วม แสดงออกในพื้นที่ทางสังคม แบบ 100% ขณะที่แกนนำก็สามารถคุมเกมดำเนินการจัดกิจกรรมได้ทั้งหมด พร้อมสลับกันขึ้นเวที ตัดฉากกับการแสดงละคร และดนตรี

ทั้งเสียงตะโกน เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ ที่ดังกึกก้อง จน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุม น่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังม็อบประชาชนปลดแอก พร้อมมองว่าการกระทำเช่นนี้เหมือนเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ สุดท้ายต้องคิดใหม่ ทำใหม่ หันมาฟังเสียงเรียกร้องจากกลุ่มม็อบปัญญาชน

ขณะเดียวกันในฟาก "กองทัพ" ต้องประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน เพราะพลังมวลชนของม็อบเยาวชนที่เป็น นักเรียน นิสิต นักศึกษา กะพริบตาไม่ได้ แต่ในส่วนฝ่ายความมั่นคงยังมองว่า การออกมาเรียกร้องต่างๆ น่าจะมีผู้ชักใย และมีผู้อยู่เบื้องหลัง โดยมองไปยังผู้ที่อยู่ต่างประเทศ เพียงต้องการล้มรัฐบาล โดยใช้การยุยง ปลุกปั่น ขณะที่ ผู้นำเหล่าทัพ ให้ทัศนะของม็อบเยาวชนที่เกิดขึ้น

"บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ย้ำทราบดีการชุมนุม และตระหนักในสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่คนเห็นทั้งในโซเชียล มีการใช้วาจาผรุสวาท ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ไม่บังควร มองว่าหลายคนเห็นคงไม่สบายใจ กองทัพบกเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คนที่ทำแบบนั้นควรคำนึงถึงขอบเขตใช้สิทธิเสรีภาพของแต่ละท่าน การชุมนุมต่างๆ เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ต้องไม่จาบจ้วงหรือใช้วาจาที่ไม่สุภาพต่อบุคคลที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่

หน่วยความมั่นคงก็ต้องทำงาน แต่จะไปกระทบกระเทือนการแสดงสิทธิเสรีภาพ ผมพูดในฐานะคนไทย พูดในฐานะประชาชนคนหนึ่งว่าแต่ละท่านจะทำอะไรขอให้นึกย้อนกลับไป คงจะรู้สึกเสียใจ แม้ประชาชนบางส่วนบางกลุ่มจะไม่พอใจ ผมมองว่ามีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการ หลายคนพยายามพูดถึงนิสิต นักศึกษา ผู้มีความรู้ นำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใน "ทฤษฎีสมคบคิด"

...

"กองทัพเองได้แต่เฝ้ามอง ติดตามแต่ไม่คุกคาม รวมถึงรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ไม่เคยมีคำสั่ง เพียงแต่ให้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ชุมนุมให้เกิดความเรียบร้อย และประสานงานกับตำรวจ แม้แต่จะเดินทางมาชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เราก็ไม่ได้มีมาตรการอะไร และส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไร"

ส่วนการพูดในเชิงลักษณะหมิ่นสถาบัน เรามีหน่วยงานความมั่นคงเข้าไปดู จะให้ตนเตือนสติคงจะลำบาก แต่อยากให้ไปดูว่าตนเองกลายเป็นหนึ่งในทฤษฎีสมคบคิดหรือไม่ ซึ่งถนนแห่งความเป็นจริง รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ดี และทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือ หากเราทุกคนสามัคคีกันเราจะผ่านจุดเปราะบางตรงนี้ไปให้ได้ก็จะเป็นเรื่องดี  

ขณะที่ "บิ๊กลือ" พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ให้ความเห็นไม่สบายใจต่อการชุมนุมของนักศึกษาที่ล่อแหลมว่า ไม่ใช่เฉพาะทหาร แต่ประชาชนทั่วไปก็ไม่สบายใจเยาวชนอย่าคิดว่าเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ และอย่าคิดว่าเขาเป็นฝ่ายตรงข้าม ควรจะเป็นครอบครัว ซึ่งความคิดอาจจะแตกต่างกันบ้าง ก็ต้องให้เหตุผลและชี้แจงกันไป บางทีอาจจะมีที่แตกแถวบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราก็เป็นครอบครัว ประเทศไทยที่เป็นครอบครัวใหญ่ อาจมีคนนอกลู่นอกทางและต่างความคิดบ้าง แต่เมื่อเข้าใจและพูดจารู้เรื่องก็ทำเพื่อประเทศชาติของเรา

...

ส่วน "บิ๊กนัต" พล.อ.อ.มานัต วงวาทย์ ผบ.ทอ. ชี้การจัดชุมนุมของ “แฟลชม็อบ” ประชาชนปลดแอกของกลุ่มนักศึกษา เราให้ความสำคัญ แต่ขอให้เป็นไปตามกลไกของบ้านเมือง ซึ่งยอมรับว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวอาจจะมีส่วนเกี่ยวพันที่จะทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นไปได้รวดเร็วขึ้น

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ให้ความเห็นการแสดงสัญลักษณ์ ชู 3 นิ้วของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ในการชุมนุมที่ขยายวงกว้าง ก็เป็นห่วง เพราะคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้กลับมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็เข้าใจว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้น่าจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและได้รับข้อมูลที่ไม่เพียงพอ รัฐบาล หรือฝ่ายความมั่นคง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ โดยเฉพาะกับน้องๆ เยาวชน เพราะพวกเราทุกคนในที่นี้เคยเป็นเด็กมาก่อน เราคงจำได้ว่ามีความเชื่ออะไรเราก็จะเชื่ออย่างนั้น เราก็คงต้องอาศัยความเข้าใจและอาศัยเวลา รวมถึงอาศัยคนที่อยู่ใกล้ชิด เช่น คุณครู คุณพ่อ คุณแม่ ที่จะช่วยพูดคุยกับเด็กและทำความเข้าใจ คงไม่ใช่รัฐบาลที่ต้องเข้าไปแก้ไขเรื่องนี้ กองทัพ ทหารหรือตำรวจอาจจะไม่สามารถคลี่คลายในเวลาที่ต้องการ สิ่งที่น่าจะแก้ไขได้คือ พ่อแม่ คุณครู

...

เสียงสะท้อนต่างๆ ที่ออกมาจาก "บิ๊กทหาร" นั้น ในฐานะเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความมั่นคง เหตุเพราะกองทัพถือเป็นเครื่องไม้เครื่องมือรัฐบาล ขณะที่ฝั่งเยาวชนก็มองในมิติสิทธิเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตย ที่ประชาชนสามารถแสดงออกได้

ซึ่งเชื่อว่าจากนี้ความเข้มข้นทางการเมืองต้องจับตาแบบไม่กะพริบ เพราะม็อบระดับคุณภาพ ปัญญาชน หาก "จุดติด" เมื่อไหร่ ทั้งรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เหนื่อยแน่! และเมื่อนั้นคงยากที่จะหาเส้นบรรจบที่ตกลงกันได้ กลุ่มผู้ชุมนุมคงใส่เกียร์เดินหน้า ตามข้อเรียกร้อง คงไม่ยอม ไม่ถอย จนกว่าจะเกมโอเวอร์ จึงถือเป็นเกมแรง งานหนักของรัฐบาล และผู้นำเหล่าทัพ ที่จะโชว์กึ๋นแก้ปมร้อนได้ยังไง!!

ผู้เขียน : คชสีห์ 88

กราฟิก : sathit chuephanngam