47 ลูกเรือสำราญไทย หนีผลกระทบโควิด-19 ในฟิลิปปินส์ กลับบ้าน..ทำไมต้องหนี ทำไมต้อง "ฟิลิปปินส์"
วันที่ 15 ส.ค. นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เดินทางไปรอรับแรงงานไทย 47 คน เดินทางกลับจากประเทศฟิลิปปินส์ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 12.30 น.
แรงงานกลุ่มนี้ไปทำงานเป็นลูกเรือสำราญ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานกับศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กระทรวงการต่างประเทศ และบริษัทจัดหางาน ช่วยพากลับประเทศ

ทุกคนดีใจมากที่ได้กลับบ้าน
แม้ต้องกักตัวในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ หรือสเตทคอแรนทีน เป็นเวลา 14 วัน หมดทั้ง 47 คนก็ตาม
ทำใมถึงดีใจมาก คงต้องย้อนไปที่การกลับมาระบาดอีกครั้งของโควิด-19 ในฟิลิปปินส์ ตัวเลขที่รายงานล่าสุด สด ๆ ร้อน ๆ ที่ 15 สิงหาคม 2563 เวลา 23.30 น.
ฟิลิปปินส์ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4,351 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 157,918 ราย (เสียชีวิตเพิ่ม 159 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 2,600 ราย)/ กระทรวงศึกษาธิการอนุญาตให้โรงเรียนราษฎร์เปิดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ได้ตั้งแต่ 24 ส.ค. หรือก่อนที่โรงเรียนรัฐบาลจะเปิด 5 ต.ค.
...
ย้อนหลังไป วันที่ 14 ส.ค.ฟิลิปปินส์ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6,216 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 153,660 ราย (เสียชีวิตเพิ่ม 16 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 2,442 ราย) โดยกระทรวงสาธารณสุขเผยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นประชากรวัยทำงาน (อายุ 20-59 ปี)
แสดงว่า การติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากสถานที่ทำงาน
ย้อนหลังไปอีก 2 วัน วันที่ 12 สิงหาคม พบว่าฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4,444 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 143,749 ราย (เสียชีวิตเพิ่ม 93 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 2,404 ราย)
ในวันนั้น กระทรวงวิทย์ของฟิลิปปินส์เตรียมเจรจากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนของรัสเซียเพื่อขอมีส่วนร่วมในการทดสอบทางคลินิก แค่ 2 วัน พบติดเชื้อเพิ่มเกือบ 2,000 ราย น่าสะพรึงกลัวมาก ไม่แปลกใจทำไมถึงรีบร้อนขอมีส่วนร่วมในการทดสอบทางคลินิก “วัคซีนรัสเซีย”
คราวนี้มาดูตัวเลขผู้เสียชีวิตกันบบ้าง ย้อนกลับไปอีก ไปดูในวันที่ 10 สิงหาคม ฟิลิปปินส์ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6,958 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 136,638 ราย (เสียชีวิตเพิ่ม 24 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 2,294 ราย) เปรียบเทียบกับวันที่ 14 สิงหาคม ที่มียอดผู้เสียชีวิต 2,442 ราย
เท่ากับ 4 วัน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มถึง 148 ราย ซึ่งในวันที่ 10 สิงหาคมนั้น ฟิลิปปินส์ พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในวันเดียว เกือบ 7,000 คน
แต่ รมว.มหาดไทยก็ยืนยันว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดขณะนี้ยังอยู่ในวิสัยที่ยังควบคุมได้ ก่อนที่วันถัดมา ฝ่ายความมั่นคงจะยอมรับว่า "เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจากมีประชาชนกว่า 3 แสนรายทั่วประเทศ ฝ่าฝืนมาตรการกักกันโรค"

ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ที่ มาเลเซีย หลังมีรายงาการระบาดในรัฐเคดาห์ รัฐเปอร์ลิส จนต้องประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง
ข้อมูล เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม มาเลเซีย พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 20 ราย ยอดรวมสะสมเพิ่มเป็น 9,149 ราย หายกลับบ้านแล้ว 8,828 ราย
ขณะที่ ประเทศไทย วันเดียวกัน พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 17 ราย ยอดสะสมอยู่ที่ 3,376 ราย เสียชีวิต 58 ราย กลับบ้านแล้ว 3,173 ราย
ก่อนที่ในวันต่อมา วันที่ 15 ส.ค. ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจแต่อย่างใด ทั้งในแง่เพื่อนบ้านในอาเซียน ที่ยังอาการหนักลูกผีลูกคน รวมถึงการระบาดของเชื้อไวรัสตัวร้าย ที่อาจพลิกผันเป็นอื่นได้ตลอดเวลา
ล่าสุด แรงงานต่างด้าวเริ่มขยับกลับเข้ามาโดยการลักลอบข้ามแดน ทั้งเมียนมา กัมพูชา บางกลุ่มไม่ได้มาจากประเทศตัวเอง แต่หนีมาจากประเทศที่ไปขายแรงงาน เช่น ชาวเมียนมากลุ่มหนึ่งลอดรั้วข้ามมาจากมาเลเซียเป็นต้น อันนี้ที่น่ากลัว..
ผู้เขียน : ชลิต
ที่มาข้อมูล : เฟซบุ๊ก Chavarong Limpattamapanee