อุณหภูมิกองทัพเริ่มร้อนฉ่าหลัง "บิ๊กตู่" เร่งให้ส่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 2563 ทำให้ปี่กลองเร่ิมขยับ หมายถึงฤดูโยกย้าย เริ่มงวดเข้ามา "บิ๊กเหล่าทัพ" เปิดหมวกอำลาพร้อมกัน 4 ตำแหน่ง ทั้งเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และผบ.ทอ. เหลือเพียง ปลัดฯกลาโหม นั่งยาวถึงปี 64 พร้อมเคาะโต๊ะขีดเส้นส่งโผก่อน 8 ส.ค.นี้ ต้องถึงมือ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายกลางเดือน
จับตาดุลอำนาจกองทัพ หลังสิ้นเดือนกันยายน 2563 ที่ ผบ.เหล่าทัพ ตบเท้าเกษียณราชการพร้อมกัน 4 เหล่า ประกอบด้วย "บิ๊กกบ" พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) "บิ๊กลือ" พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ "บิ๊กนัต" พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ทำให้อำนาจเต็มการจัดทัพปรับแถวทหาร อยู่ในอุ้งมือ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และในฐานะรมว.กลาโหม ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองไม่นิ่ง ทั้งการปรับ ครม. แถมมีทั้งศึกนอกศึกใน การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยไล่เผด็จการ การเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ ที่โยงเข้าข่ายละเมิดสถาบัน ดังนั้นการตั้งแนวรบ ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ จึงถือเป็นด่านแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องวางตัว "ขุนพล" ใช้งานในห้วงที่รัฐบาลเริ่มสั่นคลอน เพื่อเข้ามาเติมเต็มและเป็นเสาหลักค้ำบัลลังก์รัฐนาวาลุงตู่ต่อไป

...
ไฮไลต์การโยกย้ายนายทหารครั้งนี้ ถนนทุกสายต้องจับจ้องไปที่เก้าอี้ "แม่ทัพบก" หรือ "ผบ.ทบ." ที่ "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ แกนนำ ตท.20 กำลังจะหมดอำนาจลง และประกาศชัด จะเริ่มเซตซีโร่ตัวเอง อาจจะต้องมาอยู่ในภาพเบื้องหลังการทำงานให้ "บิ๊กตู่" และหลังออกมาอัดทฤษฎีสมคบคิด มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ กระบวนการ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ ทำให้กระแสอันเชี่ยวกรากของฝ่ายรัฐบาล กองทัพ และกลุ่มเยาวชนปลดแอก แฟลชม็อบเริ่มเข้มข้นและร้อนแรง
ดังนั้นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ เพื่อหาคนมานั่งเก้าอี้อันทรงพลัง ในการค้ำบัลลังก์รัฐนาวา ให้ก้าวอย่างมั่นคง ชื่อของ "บิ๊กบี้" พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. นายทหารจากสาย "วงศ์เทวัญ" แกนนำ ตท.22 จึงเด่นขึ้นมา เพราะนายทหารผู้นี้ถูกปูทางและกำหนดเส้นทางเดินตั้งแต่เป็น ผบ.พล1รอ. และต้องเป็น "บิ๊กบี้" คนเดียวเท่านั้น โดยเขาผู้นี้เสมือนเป็นผู้ที่จะมาทดแทนในส่วนที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ กำลังจะหายจากอำนาจท็อปบูต เพื่อมาเติมเต็มให้รัฐบาล และเป็นผู้ประคับประคองสถานการณ์ในห้วงนี้ เพื่อดับอุณหภูมิร้อนของการเมือง และกองทัพ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จึงโดดเด่นขึ้นมา

นอกจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ ทำงานใกล้ชิดกับ พล.อ.อภิรัชต์ มาตลอดที่ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ อีกทั้งยังเคยลงไปทำงานที่ 3 จชต.ด้วยกัน ปัจจุบันยังเป็นนายทหารคอแดง อยู่ ฉก.ทม.904 ด้วยกัน โดย พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.ฉก.ทม.904 ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์ เป็น รอง ผบ.ฉก.ทม.904 ที่ต่างก็มองตารู้ใจ และมักจะเติมเต็มให้กันและกันแม้จะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง
และเป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ เป็นนายทหารพูดน้อย มีความเป็นตัวเองสูง และชัดเจนในเรื่องการปกป้องสถาบัน เป็นทหารที่มีฝีมือดี เจริญเติบโตในหน้าที่และเป็นผู้บังคับหน่วยใน กองทัพภาคที่ 1 โดยตลอด แถมอายุราชการยาวถึง 2566 แม้จะออกแนวเงียบขรึมแต่ถ้าเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยี ล่วงละเมิด หรือหมิ่น จึงตอกย้ำเก้าอี้ตัวนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยเมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก้าวขึ้นมารับไม้ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ ในภาวะการเมืองร้อนฉ่า ม็อบนักศึกษาเร่ิมจัดกิจกรรมทุกสัปดาห์ และเริ่มกระจายไปทุกจังหวัด ภารกิจแรกของว่าที่ ผบ.ทบ.คนที่ 42 จะต้องทำเร่งด่วน คือ การปกป้องสถาบัน ดูงานความมั่นคง การรักษาอธิปไตยชาติ รวมถึงภารกิจต่างๆ ที่รัฐบาลมอบหมายให้ ในการดูแลและช่วยเหลือประชาชน
...
และจากนี้สปอตไลต์ทุกดวงจะฉายไปที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่จะต้องเผชิญปัญหาร้อนทั้งจาก กองทัพ การเมือง และม็อบ จึงเชื่อว่าหลังจากนั่งเก้าอี้ "จ่าฝูง ทบ." แล้ว จะมีการส่งสัญญาณการจัดทัพภายใน ทบ. ที่พล.อ.ณรงค์พันธ์ ต้องดึงเพื่อนร่วมรุ่น ตท.22 เข้าสู่ไลน์ในตำแหน่งสำคัญเพื่อขึ้นมาคุมหน่วยต่างๆ เพื่อเป็นมือเป็นไม้ในการทำงาน โดยเฉพาะนายทหารในสายวงศ์เทวัญ และคอแดง ที่คุ้นเคยและรู้มือ

ขณะที่ฝัง กองทัพเรือ เมื่อสำรวจแถวทหารคงมีเพียง 2 แคนดิเดต "บิ๊กช่อ" พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ รอง ผบ.ทร.(ตท.19) และ "บิ๊กอุ้ย" พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. (ตท.20) ซึ่งทั้ง 2 นายทหารเรือ ที่ "บิ๊กลือ" พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. เป็นผู้คัดเลือกขึ้นมานั่งใน 5 เสือฉลาม และทำงานร่วมกันมาโดยตลอด และทั้ง 2 คนก็พิสูจน์การทำงานคู่บัลลังก์ในรั้วราชนาวีมาตลอดระยะ 2 ปี จึงเชื่อว่าเหมาะสมทั้งคู่ แต่ในเมื่อเก้าอี้สูงสุดมีเพียงตัวเดียว ดังนั้นเมื่อคนหนึ่งสมหวัง อีกคนก็ต้องผิดหวัง
โดยแนวทางตัดสินใจของ พล.ร.อ.ลือชัย ที่จะเสนอชื่อใครคงลำบากใจ เพราะต่างเป็นน้องรักทั้งคู่ แต่ถึงเวลาตัดสินใจคงต้องมีเพียงคนเดียว และเชื่อว่า พล.ร.อ.ลือชัย จะผลักดัน "บิ๊กอุ้ย" พล.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. แกนนำ ตท.20 รับธงต่อเป็น แม่ทัพเรือ ในโผโยกย้ายครั้งนี้
...

เช่นเดียวกับ กองทัพอากาศ "บิ๊กนัต" พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. จะเสนอ "บิ๊กจ้อ" พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผช.ผบ.ทอ. (ตท.20) ขึ้นคุมทุ่งดอนเมือง นั่งเก้าอี้ "แม่ทัพฟ้า" แบบนอนมาไร้คู่แข่ง เพราะทั้งในฐานะเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมรุ่น ที่มองตารู้ใจ และตลอดการรับราชการใน ทอ. ทั้งคู่ทำงานใกล้ชิดกันมาตลอด
ในส่วนกองทัพไทย หลังนายกฯ เรียก "บิ๊กแก้ว" พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร แกนนำ ตท.21 ปิดห้องคุยที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นการส่งสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม และ "บิ๊กกบ" พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทสส. ที่จะนำรายชื่อ พล.อ.เฉลิมพล รับธงต่อขึ้นเป็น ผบ.ทสส. เพราะ พล.อ.เฉลิมพล นั้นยังเป็นนายทหารคอแดง ทำงานใน ฉก.ทม.904 ร่วมกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ว่าที่ผบ.ทบ.ด้วย จึงทำให้การทำงานประสานระหว่างเหล่าทัพจะมีความราบรื่น

...
ดังนั้น ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ ยังคงมี ตท.20 อยู่ในทำเนียบ ผบ.เหล่าทัพต่อไป โดยมี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ จาก ตท.21 ที่จะนั่ง ผบ.ทสส. และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ จาก ตท.22 นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.
และหลังวันที่ 1 ต.ค.2563 ดุลอำนาจของกองทัพ ที่มี ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ซึ่งจะเป็นเสาหลักค้ำยันรัฐนาวา ให้ฝ่าคลื่นลมได้หรือไม่ ต้องติดตามแบบห้ามกะพริบสายตา.

