สร้างสถิติรายวัน ติดใหม่ 7 จากนอก ฟื้นฟู-ระยอง

ทั่วโลกอาการยังน่าห่วง พบติดเชื้อไวรัสโค-โรนา 2019 ทุบสถิติวันเดียวกว่า 2.37 แสนคน ส่งผลติดเชื้อสะสมทะลุ กว่า 14.2 ล้านคน ยอดตายพุ่ง 6 แสนคน ที่สาหัสยังไม่พ้นสหรัฐอเมริกา บราซิล อินเดีย แอฟริกาใต้ ขณะที่ไทยไร้คนติดเชื้อภายในประเทศต่อเนื่อง 54 วัน ส่วนคนระยอง-กทม.เริ่มโล่ง ผลตรวจกว่า 4 พันคน ไม่พบติดเชื้อสักราย ขณะเดียวกัน ทางการเริ่มทยอยลบข้อมูลจากแอปฯ ไทยชนะที่ครบกำหนด 60 วัน ส่วน “เราเที่ยวด้วยกัน” คึกคัก เปิดจองโรงแรมวันแรก คนแห่ใช้สิทธิ์ 45,497 สิทธิ์ ขณะที่ยอดคนลงทะเบียนพุ่งถึง 3.8 ล้านคน

54 วันแล้วที่ไทยไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 ในประเทศ ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม แต่ยังพบคนไทยที่มาจากสหรัฐอเมริกา บาห์เรน และอียิปต์ รวม 7 คน ติดเชื้อทั้งแบบมีและไม่มีอาการ ต่างจากทั่วโลกที่การระบาดยังรุนแรง แม้จะล่วงเลยมากว่า 6 เดือน นับตั้งแต่พบการแพร่ระบาดเมื่อปลายปี 2019

...

พบติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย

ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทยที่ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศต่อเนื่อง 54 วัน ว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 7 ราย เข้าพักในสถานที่กัก ตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,246 ราย หายป่วยสะสม 3,096 ราย รักษาอยู่ 92 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 7 รายแยกเป็น 2 รายแรก เป็นหญิงไทยอายุ 64 ปี อาชีพแม่บ้าน และชายไทย อายุ 66 ปี ข้าราชการบำนาญ เดินทางมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงไทยเมื่อวันที่ 11 ก.ค. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ กทม. ผลตรวจพบเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค.โดยผู้ป่วยหญิงมีอาการคอแห้ง และผู้ป่วยชายมีเสมหะ รายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางมาจากประเทศบาห์เรน ถึงไทยเมื่อวันที่ 12 ก.ค. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี ผลตรวจพบเชื้อโควิดวันที่ 16 ก.ค.แต่ไม่มีอาการ รายที่ 4-7 ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 20, 24 (2 ราย) และอายุ 29 ปี มาจากประเทศอียิปต์ ถึงไทยวันที่ 17 ก.ค.ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค ตรวจพบเชื้อโควิดวันที่ 17 ก.ค.ส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ พบว่ามีน้ำมูก ไอ และเจ็บคอ

5 วันโลกติดเชื้อเพิ่ม 1 ล้านคน

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 14,189,018 ราย รักษาหายแล้ว 8,455,165 ราย เสียชีวิต 599,339 ราย จะเห็นว่าจากวันที่ 13 ก.ค.ที่มีผู้ติดเชื้อ 13 ล้านคน วันที่ 18 ก.ค. ตัวเลขขยับไปถึง 14 ล้านคน เพียง 5 วันตัวเลขสูงขึ้นไป 1 ล้านคน ถือว่าเร็วมาก สถานการณ์โลกยังวิกฤติเราจึงต้องคุมเข้มคนที่จะเดินทางมาประเทศไทย ส่วนความคืบหน้าผู้ป่วยทหารชาวอียิปต์ และเด็กหญิงซูดานนั้น ล่าสุดคณะกรรมการวิชาการ ในคณะกรรมการ ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า ที่มีความเสี่ยงสูงจะได้รับการแพร่เชื้อ คือผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยเท่านั้น กรณีทหารอียิปต์ที่ จ.ระยอง มี 12 คน กรณีเด็กหญิงซูดานมี 7 คน ส่วนผู้ที่ไปสถานที่เดียวกับทั้งสองกรณีถือเป็นผู้มีความเสี่ยงต่ำ หากไม่สบายใจให้สังเกตอาการ 14 วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติถือว่าปลอดภัย หากพบอาการผิดปกติบ่งชี้ให้รีบไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน

อัดแคมเปญกระตุ้นเที่ยวระยอง

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์ที่ จ.ระยอง เริ่มกลับมาปกติแล้ว วันที่ 20 ก.ค. โรงเรียนจะเปิดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะที่การท่องเที่ยวที่คนยกเลิกการเดินทางเกือบทั้งหมด จากการตรวจสอบล่าสุดอัตราการเข้าพักรวม 50 เปอร์เซ็นต์ แหลม แม่พิมพ์อัตราการเข้าพัก 40 เปอร์เซ็นต์ หาดแม่รำพึง 20 เปอร์เซ็นต์ และในการประชุม ศบค.ชุดเล็กวันนี้ ได้พูดถึงทั้งสองกรณี กรณี จ.ระยอง ที่ประชุมมีความมั่นใจในการควบคุมโรคเต็มที่ คนในระยองหรือคนที่เดินทางไปท่องเที่ยว หากเดินทางไปจังหวัดอื่นเห็นตรงกันว่าคนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องกักตัว เราอยากเห็นกิจกรรมต่างๆกลับมาเหมือนเดิม จึงร่างรูปแบบ กิจกรรมที่จะให้เปิดดำเนินการ อาทิ การเตะฟุตบอลไทยลีกออลสตาร์ จะมีขึ้นวันที่ 8 ส.ค. การวิ่งมาราธอน มีขึ้นวันที่ 9 ส.ค. ขณะนี้เริ่มมีกองถ่ายจากประเทศเกาหลีติดต่อเข้าใช้พื้นที่แล้ว และทางจังหวัดยังเสนอกิจกรรมปั่นจักรยานเลียบทะเล ศบค.ชุดเล็ก จึงให้ไปทำรายละเอียดเสนอเข้ามา ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาไทยเพื่อเสริมความงาม และปรึกษาเรื่องการมีบุตร เราจะนำเสนอให้ไปท่องเที่ยวต่อ จ.ระยอง ช่วงปลายเดือน ส.ค. ร่างกิจกรรมเหล่านี้จะเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาในวันที่ 22 ก.ค. เราอยากเห็นความตื่นตัวที่เปลี่ยนเป็นกิจกรรมเชิงบวก ให้ทุกอย่างกลับมาโดยเร็ว เราจะรับฟังข้อเสนอต่างๆเพื่อทำให้มีจุดอ่อนน้อยที่สุด

นำร่องระยองทำสารพัดกิจกรรม

เมื่อถามถึงนอกจากจัดกิจกรรมที่ระยองแล้ว จังหวัดอื่นสามารถจัดกิจกรรมเหล่านี้ได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ศบค.ต้องการให้มีกิจกรรมต่างๆ หลังมาตรการผ่อนคลายโดยเร็ว ประชาชนจะได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติในวิถีใหม่ แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ศบค.กังวลว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร เป็นไปได้อยากให้เกิดในพื้นที่หนึ่งก่อน จะได้เรียนรู้ร่วมกันเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ยอมรับว่านึกภาพไม่ออกว่าวิธีการใหม่จะเป็นอย่างไร เราต้องประชุมพูดคุยมีการนำเสนอและทดลองโมเดล ถ้าใช่ คนมาเที่ยวมาดูคอนเสิร์ต คนมาแข่งหรือชมกีฬา นักกีฬาก็ปลอดภัย คนเข้ามาดูก็ปลอดภัย ควรใช้พื้นที่หนึ่งในการทำงานก่อน จ.ระยอง ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อเป็นโอกาสในการเยียวยาและดึงความเชื่อมั่น ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ประเมินผลคนในจังหวัดมีความมั่นใจ ผู้จัดมั่นใจ ประชาชนที่เข้ามามั่นใจ ต่อไปจะเกิดขึ้นที่จังหวัดใดก็ได้แล้ว เป็นเรื่องที่ค่อยๆทดลอง และผ่อน ขอให้รออีกระยะจะได้กลับมาสนุกสนานเช่นเดิม

...

เปิดทางแรงงานต่างด้าวเข้าไทย

เมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องแรงงานต่างด้าวที่อาจนำเชื้อเข้ามา นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการผ่อนคลาย มีการพูดคุยกันถึงการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวได้จัดทำร่างขึ้นมา ก่อนนำเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ เราทราบถึงความจำเป็นต้องมีกลุ่มแรงงาน 2 ประเภท คือกลุ่มที่มีใบอนุญาตทำงาน มีวีซ่าแล้ว รอการเดินทางเข้ามา กับกลุ่มที่ยังไม่มีใบอนุญาต ที่เป็น 2 กลุ่มสำคัญมีความจำเป็นต่อกิจการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และอุตสาหกรรมอาหาร จึงอนุญาตให้สองกลุ่มแรงงานนี้เข้ามาก่อน แต่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่เคยทำมา คือ 1.ต้องมีหนังสือรับรองในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 2.ต้องมีใบรับรองแพทย์ 3.ผู้ประกอบการต้องวางเงินประกันค่าใช้จ่าย ต้องมีการแสตมป์วีซ่า ตรวจหาเชื้อโควิด ตรวจสุขภาพ ต้องเข้าสู่สเตตควอรันธีน 14 วัน และต้องลงแอปฯติดตามตัว ข้อมูลทั้งหมดจะนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่รับรองมาตรการต่อไปเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไทย

ตื่นตัวแต่อย่าตื่นตระหนก

โฆษก ศบค.กล่าวต่อว่า เรื่องความตื่นตัวนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็น ขณะเดียวกันหลายคนก็เกิดความสงสัยโดยเฉพาะการชี้แจงจาก ศบค. ซึ่งเป็นเรื่องของการสื่อสารที่มีความยาก ตนในฐานะโฆษก ศบค.ก็ลำบากใจ ช่วงแรกเราต้องสร้างความ ตื่นตัวแต่ถ้ามากเกินไปจะกลายเป็นความตื่นตระหนก ก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสาร ในฐานะจิตแพทย์บางครั้งก็ต้องผ่อนคลายให้กับผู้ที่มีความกังวล อย่าลืมว่าเราต้องดูแลอารมณ์คนทั้งสังคมเป็นความท้าทาย ต้องพยายามปรับตัวและเผชิญโรคนี้อีกเป็นปีให้ได้ หลายคนเฝ้าดูว่าเมื่อไหร่ตนจะพูดคำว่าการ์ดตก หรือการ์ดอย่าตกอีก วันนี้ถ้าจำเป็นก็ต้องพูด ถ้าท่านการ์ดตกเราก็ต้องยกขึ้น ดังนั้นหนักนิดเบาหน่อยขอทุกคนช่วยกันเพื่อเราได้มีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าวันนี้

...

ระยอง–กทม.ไร้คนติดเชื้อ

ต่อมา นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรค กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ระยอง และ กทม.ว่า ผลการดำเนินงานในวันที่ 14 ก.ค. มีประชาชนใน จ. ระยอง มารับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน จำนวน 1,336 คน และมีประชาชนใน กทม.ที่คิดว่าตนเองมีความเสี่ยง กรณีเด็กหญิงที่มาในครอบครัวอุปทูตตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 และเข้าพักในคอนโด ย่านสุขุมวิท มารับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย พระราชทาน จำนวน 267 คน ในวันที่ 15 ก.ค. มีประชาชนในพื้นที่ จ.ระยอง มารับการตรวจหาเชื้อ จำนวน 1,252 คน ในวันที่ 16 ก.ค. มีประชาชนในพื้นที่ จ.ระยอง มารับการตรวจหาเชื้อจำนวน 1,244 คน ส่วนในพื้นที่ กทม.มารับการตรวจหาเชื้อจำนวน 97 คน และในวันที่ 17 ก.ค. มีประชาชนในพื้นที่ จ.ระยอง มารับการตรวจหาเชื้อจำนวน 1,374 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว 104 คน อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ 1,270 คน โดยผลตรวจทั้งหมดเป็นลบ

...

ชาวระยองยังผวาไม่กล้าเดินห้าง

อย่างไรก็ดี แม้ยังไม่พบคนในระยองติดเชื้อไวรัสมรณะ หลังทหารอียิปต์ติดเชื้อหนีการกักตัวมาเดินห้าง แต่ตลอดวันที่ 18 ก.ค.ที่ห้างแพชชั่น ระยอง หลังเปิดให้บริการเป็นวันที่ 2 บรรยากาศยังเงียบเหงาไม่ค่อยมีคนมาจับจ่ายซื้อของ ส่วนบริเวณหน้าห้าง ยังมีรถพระราชทานพร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิดกับประชาชน มีคนมาเข้าคิวรอตรวจไม่มากเหมือนวันแรกๆ ที่ต้องลงทะเบียนไว้ก่อน ส่วนที่ห้างเซ็นทรัลพลาซา ระยอง มีคนมาจับจ่ายซื้อของไม่มากนัก แต่ดีกว่า 2 วันที่ผ่านมา โดยที่ชั้นล่างของห้างยังคงมีทีมแพทย์มาให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด รวมทั้งตรวจสุขภาพจิตประเมินความเครียดของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ตรวจแล้วกว่า 4 พันคนไม่พบเชื้อ

ด้าน นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ระยอง กล่าวว่า จากการตรวจมาทุกวันยังไม่พบว่ามีใครติดเชื้อโควิด-19 หรือเป็นไข้มีน้ำมูก สำหรับกลุ่มเสี่ยงพนักงานโรงแรม พนักงานห้าง ตรวจครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่พบผู้ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยงสูงให้กักตัว 14 วัน ยังไม่มีใครมีอาการเป็นไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก การตรวจครั้งนี้เป็นการตรวจหาเชื้อกลุ่มใหญ่เป็นอันดับต้นๆของประเทศ จากการตรวจด้วยรถชีวนิรภัยพระราชทาน วันที่ 14 ก.ค. 1,336 คน วันที่ 15 ก.ค. 1,252 คน วันที่ 16 ก.ค. 1,244 คน ทั้งหมดผลตรวจเป็นลบ ส่วนวันที่ 17 ก.ค. 1,374 คน ได้ผลแล้ว 104 คน เป็นลบ ที่เหลือรอผลตรวจ สรุปยอดตรวจไปแล้วกว่า 4 พันคน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด ส่วนการตรวจวันนี้ต้องรอผลวันที่ 19 ก.ค.นี้

ฆ่าเชื้อในโรงเรียนเตรียมเปิดสอน

ขณะที่นายวรวิทย์ ศุภโชคชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครระยอง กล่าวว่า จากการตรวจคนในพื้นที่ไม่พบเชื้อแต่อย่างใด จึงให้ทั้ง 8 โรงเรียนในเขตเทศบาลเปิดการเรียนการสอนในวันจันทร์ที่ 20 ก.ค.นี้ ทุกโรงเรียนได้ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อตามมาตรการเรียบร้อย เช่นเดียวกับที่โรงเรียนวัดบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นายสมบัติ สะเกตุ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบ้านฉาง พร้อมเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองบ้านฉาง ได้พ่นยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดห้องเรียน และบริเวณโดยรอบ เตรียมเปิดการเรียนการสอนแล้ว

บัวแก้วถกคณะทูตเรื่องกักตัว

ส่วนปัญหาที่พบมาตลอดสัปดาห์กรณีนักการทูตจากประเทศต่างๆเดินทางเข้าไทยต้องเข้าสู่ระบบกักตัวอย่างไรนั้น นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. กระทรวงการต่างประเทศจัดบรรยายสรุปให้แก่คณะทูต และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เพื่อหารือและชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติ และมาตรการต่อบุคคลทางการทูตที่จะเดินทางเข้าไทยในปัจจุบัน และการทบทวนความเข้มข้นของมาตรการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการใหม่ที่จะประกาศใช้ในอนาคตอันใกล้ จึงขอความร่วมมือให้แต่ละสำนักงานพิจารณาใช้สถานที่กักกันทางเลือกที่รัฐจัดให้ (Alternative State Quarantine-ASQ) แทนการกักตัว ณ ที่พำนักไว้ได้เลย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญแก่การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะทูตในการส่งเสริมความสัมพันธ์ให้เป็นไปอย่างราบรื่น ขณะเดียวกันต้องมีความสมดุลกับความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยด้านสาธารณสุขภายในประเทศ ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยทั้งของคนไทย ของบุคคลในคณะทูต และชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยด้วย

เริ่มลบข้อมูลผู้ใช้แอปฯไทยชนะ

ขณะที่ นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงการใช้แอปพลิเคชันไทยชนะว่า ภาพรวมจนถึงปัจจุบันมีผู้ใช้งานสะสม 37,078,364 คน ผู้ดาวน์โหลดใช้งาน 767,341 คน จำนวนกิจการ ร้านค้า ลงทะเบียนสะสม 274,887 คน ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 ก.ค.เราเริ่มลบข้อมูลเป็นวันแรก เป็นการลบทิ้งข้อมูลของวันที่ 17 พ.ค.อย่างถาวร รวมถึงข้อมูลผู้ประเมินร้านค้าก็ถูกลบทิ้ง เราไม่ได้เอาข้อมูลนี้มาใช้ และวันนี้ (18 ก.ค.) จะลบข้อมูลของวันที่ 18 พ.ค. เมื่อผ่านไป 60 วันเราจะทยอยลบข้อมูลไปเรื่อยๆ ส่วนที่อ้างว่านำข้อมูลไปใช้อย่างอื่น ไปส่งเอสเอ็มเอส ยืนยันว่าสบายใจได้เราไม่ได้ใช้ข้อมูลไปทำอย่างอื่นแอปพลิ-เคชันไทยชนะเป็นความภูมิใจคนไทย ระบบผ่านการพิสูจน์แล้วว่าดำเนินการไปอย่างที่ควรจะเป็น จึงขอให้ใช้ต่อไปเรื่อยๆ มีอะไรสามารถติชมปรับปรุงแก้ไข เรายินดีรับทุกข้อเสนอแนะ เพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น

เตือนใช้แรงงานเถื่อนเสี่ยงโควิด

ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน ชี้แจงกรณีขณะนี้มีขบวนการนายหน้าเถื่อน อ้างกับนายจ้างว่าสามารถนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศได้ โดยเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายในอัตราสูง ขอทำความเข้าใจกับนายจ้าง ผู้ประกอบการต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว หากจะนำเข้าแรงงาน นายจ้างดำเนินการด้วยตนเอง หรือผ่านบริษัทนำเข้าที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมการจัดหางานเป็นผู้ดำเนิน–การเท่านั้น อย่าเชื่อนายหน้าเถื่อน เพราะแรงงานผิดกฎหมายจะเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 เพราะไม่ผ่าน มาตรการตรวจคัดกรอง และสุ่มเสี่ยงต่อการค้ามนุษย์ ซึ่งมีโทษหนัก ผู้ที่หลอกลวงนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศหรือหาลูกจ้างต่างด้าวให้กับนายจ้างจะต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 600,000-1,000,000 บาทต่อคนต่างด้าว 1 คน หรือทั้งจำทั้งปรับ

คนไทย-ต่างชาติกลับเข้าประเทศ

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตลอดวันที่ 18 ก.ค.มีคนไทยที่ตกค้างอยู่ในต่างประเทศ และชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เวลา 09.15 น. สายการบินอีวาแอร์ เที่ยวบินที่ BR062 นำคนไทยที่ตกค้างในออสเตรีย โปแลนด์ กรีซ มอลตา สโลวะเกีย สโลวีเนีย สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และฮังการี จำนวน 168 คน พร้อมนักธุรกิจและชาว ต่างชาติสัญชาติออสเตรีย ยูเครน เช็ก โรมาเนีย อังกฤษ สโลวะเกีย เยอรมนี และโบลิเวีย ที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย จำนวน 280 คน รวม 196 คน เดินทางกลับถึงไทย ในจำนวนนี้พบคนไทยมีไข้ 1 คน จากนั้นเวลา 11.24 น. สายการบินเคแอลเอ็มแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KL875 นำคนที่ตกค้างใน 13 ประเทศ ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ อิตาลี โรมาเนีย เช็ก สวิตเซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ สวีเดน เบลเยียม ฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ และสหรัฐอเมริกา จำนวน 158 คน พร้อมด้วยนักธุรกิจชาวต่างชาติ และชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในไทยจากสวีเดน ฝรั่งเศส โรมาเนีย เนเธอร์-แลนด์ และเยอรมนี จำนวน 28 คน เดินทางจากนครแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี เข้าไทย ในจำนวนนี้พบคนไทยมีไข้ 9 คน

มีไข้ไป รพ.-ที่เหลือเข้าสถานกักตัว

ต่อด้วยเวลา 13.35 น. สายการบินเอธิโอเปียน เที่ยวบินที่ ET618 นำคนไทยที่ตกค้างในคองโก เอธิโอเปีย เคนยา แอฟริกาใต้ แทนซาเนีย แซมเบีย แคเมอรูน และซูดาน รวม 48 คน พร้อมกับนักธุรกิจสัญชาติแอฟริกาใต้ 2 คน รวม 50 คน เดินทางถึงไทย ในจำนวนนี้พบคนไทยมีไข้ 3 คน ต่อมาเวลา 15.11 น. สายการบินเซี่ยงไฮ้แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ FM833 นำนักธุรกิจชาวอังกฤษพร้อมครอบครัว รวม 5 คน จากนครเซี่ยงไฮ้เข้าสู่ไทย และในช่วงค่ำ สายการโคเรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KE651 นำคนไทยในสหรัฐอเมริกา จำนวน 236 คน พร้อมด้วยนักธุรกิจจีน เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ จำนวน 6 คน รวม 242 คน เดินทางมาถึง ซึ่งผู้ที่ตรวจพบมีไข้เจ้าหน้าที่จะนำตัวส่ง รพ.เพื่อตรวจเชื้ออย่างละเอียด ส่วนที่เหลือถูกนำตัวไปยังสถานที่กักตัวของรัฐและสถานกักตัวทางเลือก ใน กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี และชลบุรี

เข้ม ตม.พังงา–ภูเก็ตรับมือระบาดซ้ำ

วันเดียวกัน ที่ ศปก.ตม.จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป.ปฏิบัติราชการ สตม. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมและกำชับการปฏิบัติหน้าที่ให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม.พังงาและภูเก็ต เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เคยมีการแพร่ระบาดของโรค โดย พล.ต.ท.สมพงษ์กล่าวว่า กำชับให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เข้มงวดกับการระวังการติดเชื้อภายในห้องกัก โดยถ่ายรูปบันทึกวิดีโอและภาพนิ่งตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่เพื่อง่ายต่อการสืบสวนโรค

ขู่ฟันไม่เลี้ยงเอี่ยวขนแรงงานเถื่อน

ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา สตม.มีความพร้อมรับมือการระบาดเป็นอย่างดี และขอร้องว่าเจ้าหน้าที่รัฐอย่าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการขนแรงงานเถื่อนเข้าประเทศ เพราะเสี่ยงต่อการระบาดของโรคมาก เมื่อสืบสวนโรคจะพบหมดว่าใครไปเกี่ยวข้องขบวนการขนแรงงานเถื่อนตามแนวชายแดนจะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ขอให้เข้มงวดกับกิจการที่ต้องการแรงงานต่างด้าว เข้าใจว่าต้องการแรงงานแต่สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ และขอให้ใช้หลักรัฐศาสตร์ในการทำงาน และ ตม.ต้องพยายามบริการในภาวะวิกฤติให้ได้ รวมทั้งช่วยดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างดี นอกจากนี้ เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศเริ่มคลี่คลายทาง สตม.เตรียมออกประกาศให้คนต่างด้าวหรือชาวต่างชาติที่ตกค้างอยู่ในไทยที่มีอยู่ราว 3-4 แสนคน ที่ได้รับการยกเว้นให้อยู่ในประเทศตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับที่ 1-2 ให้มาทำเรื่องเพื่อขออยู่ต่อในกรณีที่ต้องการพำนักต่อในประเทศไทย แต่หากต้องการเดินทางกลับประเทศตัวเองก็สามารถเดินทางออกได้เลยตามขั้นตอนปกติ โดยไม่ต้องมาแจ้งที่ สตม. ทั้งนี้ สามารถมาขออยู่ต่อหรือเดินทางออกนอกประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.-26 ก.ย.นี้ หากเกินกว่านี้จะถือว่าผิดกฎหมายถูกจับกุมและถูกแบล็กลิสต์ด้วย

ลงทะเบียนจองเที่ยว 3.8 ล้านคน

สำหรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังการเปิดเฟส 5 นั้น วันเดียวกัน นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการท่องเที่ยว “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่เปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกัน.com ว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดให้ผู้ที่ลงทะเบียนมาตรการเราเที่ยวด้วยกันสำเร็จ สามารถจองสิทธิ์ส่วนลดที่พักโรงแรม ในการเดินทางไปท่องเที่ยวยังจังหวัดที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาของตนเองได้ โดย ณ เวลา 18.00 น.มีผู้ใช้สิทธิ์จองที่พักโรงแรม มีการชำระเงินแล้วจำนวนร้อยละ 60 ของราคาที่พักโรงแรม จำนวน 45,497 สิทธิ จากจำนวนสิทธิที่กำหนดไว้ไม่เกิน 5 ล้านสิทธิ ขณะที่ยอดลงทะเบียนร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ถึงปัจจุบัน มีผู้ลงทะเบียนแล้วรวมทั้งสิ้น 3.8 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ลงทะเบียนสำเร็จ 3.5 ล้านคน ซึ่งขณะนี้กำลังทยอยแจ้งผลทางข้อความ sms ภายใน 3 วันนับจากวันที่ลงทะเบียน และอีกจำนวน 100, 000 คน อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้องกับฐานข้อมูลกรมการปกครอง ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จ 200,000 คน เนื่องมาจากระหว่างลงทะเบียนอาจจะสะกดชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด หรือเลขที่บัตรประชาชน หรือรหัสหลังบัตรผิดที่ใดที่หนึ่ง จึงส่งผลให้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ ซึ่งสามารถลงทะเบียนใหม่ได้เลย

ทั้งนี้ ในมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 34,434 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรม 5,713 แห่ง ร้านอาหาร 27,593 ร้าน และสถานที่ท่องเที่ยว 1,128 แห่ง โดยยังเปิดให้ผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ทุกวัน สำหรับมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักร้อยละ 40 (สูงสุด 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน หรือคนละไม่เกิน 5 คืน) จำกัดสิทธิ์ที่พัก 5 ล้านสิทธิ์ และส่วนลดตั๋วเครื่องบินร้อยละ 40 โดยรัฐจะจ่ายคืนให้ผ่านแอปฯเป๋าตัง ทีหลังจำนวน 2 ล้านสิทธิ์ ผู้ลงทะเบียนจะสามารถจองที่พักเพื่อเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.-31 ต.ค.2563

WHO แจงยอดโควิดทุบสถิติ

สำหรับความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในต่างแดน องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลก ในช่วงระยะเวลา 24 ชั่วโมง ได้พุ่งสูงทำสถิติอยู่ที่ 237,743 คน ทำลายสถิติเก่าเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่มีผู้ติดเชื้อในวันเดียว 230,370 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมในขณะนี้กลายเป็น 14.2 ล้านคนอย่างเป็นทางการ เสียชีวิตรวม 600,000 คน โดยประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อมากที่สุดในโลกคือ สหรัฐอเมริกา บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเฉลี่ยตลอดช่วงเดือน ก.ค. อยู่ที่วันละ 5,000 คน ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุด้วยว่า ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ทั่วโลกมียอดรวมผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 1 ล้านคน

“ทรัมป์” ลั่นไม่สั่งสวมหน้ากาก

ด้านนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าววิพากษ์วิจารณ์ชาติมหาอำนาจของโลกว่าล้มเหลวที่จะทำงานร่วมกันเพื่อรับมือไวรัสโควิด-19 และยังช่วยเหลือกลุ่มประเทศยากจนไม่เพียงพอ ขณะที่สหรัฐอเมริกา นายแอนโธนี ฟอซี หัวหน้าทีมรับมือสถานการณ์โควิด-19 ประจำทำเนียบขาว เรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐต่างๆในสหรัฐฯ ใช้มาตรการบังคับทุกวิถีทาง เพื่อให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย แต่ต่อมานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวสาบานว่าจะไม่ออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากาก เนื่องจากมองว่าประชาชนควรได้รับเสรีภาพในบางเรื่อง ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อรวมในสหรัฐฯได้เพิ่มเป็น 3.77 ล้านคน หลังพบผู้ติดเชื้อในวันเดียวกันทำสถิติอีกครั้ง อยู่ที่ 77,638 คน เสียชีวิตรวมมากกว่า 142,000 คน

ออสซีเบรกประชุมสภาฯหนีไวรัส

ส่วนออสเตรเลีย สถานการณ์ยังคงน่าวิตกกังวล โดยที่นครเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย จุดศูนย์กลางแพร่ระบาดหลักในประเทศ ตรวจพบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 217 คน ขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศระงับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากเกรงว่านักการเมืองที่เข้าร่วมประชุมจะพาเชื้อโรคมาแพร่ในกรุงแคนเบอร์รา

อินเดียติดเชื้อเพิ่มทุบสถิติ

ส่วนอินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อรายวันใน 24 ชั่วโมงหลังเพิ่มขึ้นสูงสุดทำลายสถิติถึง 34,884 ราย รวมติดเชื้อสะสม 1,044,963 ราย ติดอันดับ 3 ของโลก มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 671 ราย รวมเป็น 26,347 ราย ส่วนอัตราผู้ได้รับการรักษาจนหายดีลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 62.9 เปอร์เซ็นต์ แต่คาดว่ายอดผู้ติดเชื้อที่แท้จริงในอินเดียสูงกว่าตัวเลขของทางการมาก และนายราหุล คานธี ผู้นำพรรคครองเกรสฝ่ายค้านหลัก เตือนให้รัฐบาลใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด และชี้ว่ายอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 2 ล้านราย ภายใน 10 ส.ค.นี้ ขณะที่รัฐบาลอินเดียยังใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในหลายพื้นที่ ประมาณ 12 รัฐ รวมทั้งรัฐมหาราษฎระ ทมิฬนาฑู เบงกอลตะวันตก และอัสสัม ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นางไอศวรรยา ราย ปัจจัน มิสเวิลด์ ปี 1994 ภรรยาของนายอภิเษก ปัจจัน และลูกสาววัย 8 ขวบ ที่ถูกตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมกับนายอมิตาป ปัจจัน ดาราระดับตำนานของวงการบอลลีวูด วัย 77 ปี บิดาของนายอภิเษก ล่าสุดนางไอศวรรยาและลูกสาวถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลนานาวาตีในกรุงนิวเดลีเช่นเดียวกับสามีและพ่อสามี หลังเริ่มมีอาการหายใจไม่ออก แต่ทั้งคู่ยังมีสุขภาพดี

จีนสู้ระบาดใหม่ที่ซินเจียง

ส่วนที่จีน ต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสก่อโรคโควิด-19 แม้จะเคยประกาศว่าควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ แต่ยังพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มภายในประเทศ 22 ราย เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่ 10 ราย และพบผู้ติดเชื้อมาจากต่างชาติอีก 6 ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่ม 22 รายนี้ ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองอูรุมฉี เมืองเอกของภูมิภาคปกครองตนเองซินเจียงทางภาคตะวันตกถึง 16 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 17 ราย มีผู้ถูกกักตัวรอดูอาการอีก 269 ราย จนทางการต้องประกาศใช้แผนฉุกเฉินเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด รวมทั้งสั่งยกเลิกเที่ยวบินเข้าออกสนามบินระหว่างประเทศตี้โวปูในเมืองอูรุมฉีกว่า 600 เที่ยวบิน

คาดอิหร่านติดเชื้อ 25 ล้านคน

ที่อิหร่าน นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ออกแถลงการณ์ว่า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขทำให้เชื่อได้ว่ามีชาวอิหร่านติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วกว่า 25 ล้านคน และมีความเป็นไปได้ว่า มีประชาชนอีกกว่า 30-35 ล้านคน ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงติดรับเชื้อ โดยทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อรวมในอิหร่านอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 269,440 คน เสียชีวิตรวมเกือบ 14,000 คน

อังกฤษจำแนกระยะป่วยโควิด

ขณะที่อังกฤษ ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยคิง คอลเลจ ลอนดอน ระบุว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลของแอปพลิเคชันติดตามผลอาการป่วย หรือซิมพ์ตัม แทรกเกอร์ ของรัฐบาลอังกฤษทำให้จำแนกอาการของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 6 ระยะ โดยระยะ 1 มีลักษณะคล้ายหวัด สูญเสียการดมกลิ่น ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ เจ็บหน้าอก แต่ไม่มีไข้ ระยะ 2 เหมือนกับระยะแรกแต่มีไข้ และไม่อยากอาหาร ระยะ 3 อาหารไม่ย่อย ปวดหัว ท้องร่วง เจ็บหน้าอก แต่ไม่ไอ ระยะ4 ระดับอาการรุนแรงขั้นที่หนึ่ง เหนื่อยล้า ปวดหัว ไอ ไข้สูง เจ็บหน้าอก เสียงแหบ ระยะ 5 ระดับอาการรุนแรงขั้นที่สอง เบลอสับสน ปวดหัว ไอ ไข้สูง เสียงแหบ เจ็บคอ เจ็บหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อยล้า และระยะ 6 ระดับอาการรุนแรงขั้นที่สาม เจ็บป่วยด้วยอาการทั้งหมดที่กล่าวมา รวมถึงหายใจไม่สะดวก เจ็บช่องท้อง โดยผู้ป่วยที่อยู่ในระยะ 4-6 มีความเป็นไปได้ที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ