ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์คำแหง แถลงข่าวสรุปผลคดี “น้องบีม” เหยื่อถูกทนายความโกงเงินคดีรถชน เหตุเกิดที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 48 ระบุศาลฎีกาตัดสินให้คู่กรณีชดใช้เงินรวมค่าฤชาจำนวน 5.1 ล้านบาท ทีมทนายความเนติบัณฑิตยสภาไม่คิดเงินค่าว่าความแถมออกค่าใช้จ่ายให้อีกด้วย รวมทั้งเตรียมบังคับคดีนำเงินมาให้ผู้เสียหาย ด้านน้องบีมเผยรู้สึกดีใจจนพูดไม่ถูกที่ทนายตามเรื่องให้ตลอดจนชนะคดีและที่ผ่านมาใช้ชีวิตลำบากมาก
ที่เนติบัณฑิตยสภา ถนนกาญจนาภิเษก เขตตลิ่งชัน กทม. เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 14 ก.ค. ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเนติบัณฑิตยสภา พร้อมด้วยคณะทนายความ น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 47 ปี แม่ของน้องบีม และ น.ส.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง อายุ 17 ปี หนึ่งในคณะนักร้องประสานเสียงโฆษณาบริษัทประกันชื่อดัง นั่งรถวีลแชร์เดินทางมาร่วมแถลง ข่าวผลชนะคดีชั้นฎีกาในคดีรถชน จากกรณีที่น้องบีมและแม่ถูกทนายโกงเงินชดใช้ค่าเสียหายไป
ว่าที่ พ.ต.สมบัติกล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ ปี 48 ได้เกิดเหตุรถบรรทุก 18 ล้อ ของบริษัทจำเลย (บริษัท น.นน อินเตอร์เฟรทประเทศไทย จำกัด) ขับชนรถกระบะที่มีนายอรุณรัตน์ แก้วผ่อง พ่อของน้องบีมเป็นผู้ขับขี่ เหตุเกิดพื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเหตุให้นายอรุณรัตน์เสียชีวิต น้องบีมพิการ นางพรทิพย์ขาหักใส่เหล็กดามขาตลอด แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา คดีนี้ในส่วนคดีอาญานายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความของน้องบีม นำหนังสือมอบอำนาจปลอมไปเบิกเงินจากบริษัทรถบรรทุกจำนวน 4 ล้านบาท โดยไม่มีอำนาจ ศาลจังหวัดตลิ่งชันมีคำพิพากษาสั่งจำคุกนายพิสิษฐ์ไปแล้ว ปรากฏว่าในคดีแพ่งทนายความดังกล่าวได้เอาหนังสือมอบอำนาจปลอมไปรับเงินโดยไม่มีสิทธิ์จำนวน 4.9 ล้านบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ทนายความไม่มีอำนาจและไม่สุจริตจึงไม่มีผลผูกพัน
...
ว่าที่ พ.ต.สมบัติกล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 13 ก.ค. ศาลจังหวัดไชยา อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วใจความว่า การที่ทนายความนำใบมอบอำนาจที่ น.ส.พรทิพย์ให้ไปบังคับคดีเอาไปกรอกข้อความว่า ให้มารับเงินแทนโจทก์ จากนั้นทนายความได้รับเงินเป็นเช็ค 32 ใบ รวมเป็นเงิน 4.9 ล้านบาท ก่อนนำเอาเช็คไปขายคืนบริษัทแลกเงินมา 9 แสนบาท แล้วไม่เอาเงินมาส่งให้ลูกความ เป็นการลดยอดหนี้เองรับเงินเอง และเอาเช็คไปขายลดในราคาต่ำมากโดยไม่มีเหตุใดที่ต้องทำเช่นนั้น รวมทั้งไม่เป็นประโยชน์ต่อลูกความและไม่สุจริต โจทก์ไม่มีส่วนประมาทที่ลงชื่อในใบมอบอำนาจให้ทนายความ การกระทำของทนายความจึงไม่ผูกพันโจทก์ทั้ง 5 บริษัท จำเลยจึงไม่อาจอ้างได้ว่าได้ชำระหนี้แก่โจทก์แล้ว ศาลพิพากษายืนให้ชำระหนี้ให้โจทก์ 4.9 ล้านบาทรวมค่าฤชาธรรมเนียมแล้ว รวมเป็นเงิน 5.1 ล้านบาท (ไม่ได้ขอดอกเบี้ยจึงรวมดอกเบี้ยไม่ได้) และออกคำบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้ว
“คดีนี้นายดำรงศักดิ์ เครือแก้ว หัวหน้าทีมทนายความของฝ่ายโจทก์ติดตามคดีมาตลอดโดยไม่คิดค่าว่าความและยังออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย จนได้แนวบรรทัดฐานทางข้อกฎหมายด้วยว่า ถ้าทนายความเอาใบมอบอำนาจไปกระทำไม่สุจริตหรือไม่ตรงกับเจตนาของตัวความผลเสียหายที่เกิดจะไม่ผูกพันตัวความ ต่อจากนี้นายดำรงศักดิ์จะนำทนายออกสืบทรัพย์และยึดทรัพย์ของบริษัทรถบรรทุกออกขายทอดตลาด หากบริษัทจำเลยยักย้ายถ่ายเทโอนหนี้ก็จะมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ได้ และจะบังคับคดีนำเงินมาให้น้องบีมต่อไป” ว่าที่ พ.ต.สมบัติกล่าว
ด้าน น.ส.ภัทรดากล่าวว่า ตอนแรกกลัวว่าทนายความของเนติบัณฑิตยสภาจะลืมเรา พอรู้ว่า ทนายความติดตามเรื่องจนชนะคดีชั้นฎีกาก็รู้สึกดีใจจนพูดไม่ถูก ขอให้บริษัทจำเลยออกมาเจรจาพูดคุยเรื่องค่าเสียหายกัน ที่ผ่านมาชีวิตลำบากมากตนไม่ได้เข้าโรงเรียนตามปกติได้แต่เรียน กศน.วันอาทิตย์ วันธรรมดาขายกาแฟ และเค้กบราวนี่ที่วัด ชลประทานรังสฤษดิ์