ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนคนไทยช่วยกันบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน หลังกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ หมอนัดผ่าตัดเต็มรูปแบบ อุบัติเหตุเพิ่ม ทำให้ต้องการโลหิตจำนวนมาก แต่ล่าสุดสภากาชาดไทยจ่ายเลือดให้ได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ ชี้กระทบผู้ป่วย 3 กลุ่ม หากไม่มีโลหิตในการรักษา
ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 12 ก.ค. รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยถึงสถานการณ์คลังโลหิต ว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 อนุญาตให้หน่วยงานหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลเปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยได้ตามปกติ ทำให้โรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 340 แห่ง มีการเบิกขอใช้โลหิตสูงกว่า 7,000 ยูนิตต่อวัน แต่สามารถจ่ายเลือดได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ด้าน ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเลือด โรคมะเร็ง และชีวาภิบาล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาด้านวิชาการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า กรณีที่ไม่มีโลหิตในการรักษา ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย ดังนี้ 1.กรณีแพทย์ไม่มีโลหิตเพียงพอที่ใช้ในการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดที่ต้องใช้โลหิตจำนวนมากและเร่งด่วน อาทิ ผู้ป่วยที่เกิดภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน อุบัติเหตุ ตกเลือดหลังคลอดบุตร และเลือดออกในทางเดินอาหาร ฯลฯ การรักษาผู้ป่วยกรณีดังกล่าวต้องมีโลหิตสำรองไว้ระหว่างการผ่าตัด 2-3 ยูนิต ในกรณีที่มีอาการรุนแรง 5-10 ยูนิต ต้องขอเบิกโลหิตสำรองให้เพียงพอ ถ้าโลหิตไม่เพียงพอต้องเลื่อนการผ่าตัด อาจเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยถึงชีวิตได้
2.กรณีการนัดผ่าตัดที่เลื่อนจากช่วงการระบาดโรค COVID-19 ผู้ป่วยที่ชะลอการผ่าตัดในช่วงนั้น กลับมารักษาตามที่โรงพยาบาลนัดหมาย อาทิ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคกระดูก โรคหัวใจ ชนิดไม่รุนแรง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยขาดโอกาสในการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตลดลง และ 3.กรณีผู้ป่วยโรคเลือด ที่จำเป็นต้องใช้โลหิตในการรักษาเป็นประจำ อาทิ โรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจาง และโรคเกล็ดเลือดต่ำ ในรายที่เป็นชนิดรุนแรงต้องได้รับโลหิตในการรักษาเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละ 1-2 ยูนิต หากไม่ได้รับโลหิตผู้ป่วยจะมีภาวะซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ในรายที่โลหิตจางรุนแรงอาจทำให้หัวใจทำงานหนักจนหัวใจล้มเหลวได้ จึงต้องได้รับโลหิตในการรักษาอย่างทันท่วงที
...
ศ.นพ.อิศรางค์กล่าวว่า จึงขอเชิญชวนผู้ที่มีสุขภาพดี ครบกำหนด 3 เดือน บริจาคโลหิต เพื่อนำไปรักษาผู้ป่วยตามโรงพยาบาลทั่วประเทศ สำหรับผู้บริจาคโลหิต ระหว่างวันที่ 13-19 กรกฎาคม 2563 รับเสื้อยืด “Every Blood Donor is a Hero” เป็นที่ระลึก ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์ ศูนย์รับบริจาคโลหิตและพลาสมา สถานีกาชาดที่ 11 วิเศษนิยม (บางแค) สาขาบริการโลหิต 6 แห่งในกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ส่วนภูมิภาคบริจาคได้ที่ภาคบริการโลหิตแห่งชาติจังหวัดลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช สงขลา ภูเก็ต และงานบริการโลหิต สถานีกาชาด หัวหินเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์