ศบค.ยังกังวล ‘เฟส 5’ คุมเข้มรับเปิดเทอม นายกฯ ขู่ฟันโรงนวด ถ้าปล่อยค้าประเวณี!

ศบค.รับกังวลการผ่อนคลายมาตรการระยะ 5 หวั่นเกิดระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ กำชับทุกหน่วยงานคุมเข้มทั้งสถานศึกษา สถานบันเทิง สถานบริการแม้ไทยล่าสุดยังไม่พบคนติดเชื้อไวรัสมรณะในประเทศต่อเนื่อง แต่ยังมีคนติดเชื้อที่กลับจากต่างประเทศเพิ่มอีก 2 ราย พร้อมยกสหรัฐฯเป็นกรณีศึกษา ที่ต้องกลับมาล็อกดาวน์ใหม่ในบางพื้นที่ ขณะที่ “บิ๊กตู่” ย้ำความจำเป็นต้องขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขู่ฟันสถานบริการหากปล่อยเกินเลย ด้าน “ศักดิ์สยาม” ขานรับไอเดียนายกฯ เล็งเปิดแล็บตรวจเชื้อที่สนามบิน ขณะเดียวกันทั่วโลกอาจต้องผวาซ้ำเมื่อโควิด-19 ยังระบาดแรง แต่จีนก็พบเชื้อไวรัสพันธุ์ใหม่ “ไข้หวัดหมู” ที่อาจติดจากคนสู่คนได้

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่พลิก เห็นชอบตามศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน รับการผ่อนคลายระยะ 5 ที่เปิดทั้งสถานศึกษา สถานบันเทิงและสถานบริการ

...

ครม.ไฟเขียวต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 มิ.ย. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ที่มีประเด็นสำคัญคือการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค.2563 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกยังคงมีความรุนแรง รวมทั้งรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 5 จึงยังมีความจำเป็นต้องบังคับใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ทั้งการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรในทุกช่องทาง การจัดทำระบบติดตามตัว การกักตัว และการเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย รวมทั้งการกำหนดมาตรการควบคุมโรคที่สามารถใช้บังคับอย่างครอบคลุมในทุกกิจการ กิจกรรม แบบบูรณาการทั้งพลเรือน ทหารและตำรวจ เพื่อบริหารจัดการวิกฤติให้เป็นเอกภาพ ลดความเสี่ยงไม่ให้มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศระลอกที่สอง ทั้งนี้ การขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วประเทศ ควบคู่กับการผ่อนคลายมาตรการบังคับใช้ ไม่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตแบบปกติของประชาชนและไม่เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจของประเทศ

นายกฯ ย้ำอีกจำเป็นต้องใช้

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีการคัดค้านการขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อคุมสถานการณ์โควิด-19 ไปถึงสิ้น ก.ค.นี้ว่า มีเหตุผลความจำเป็น ยืนยันไม่ได้ปิดกั้นประชาชน จะชุมนุมก็ไปขออนุญาตตาม พ.ร.บ.การชุมนุม ส่วนการป้องกันการแพร่ระบาดคือไม่ต้องการให้คนไปรวม กลุ่มกันจำนวนมาก ขอให้เข้าใจเจตนารมณ์การใช้กฎหมายด้วย มาตรการที่จะออกมาหลังต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในรอบนี้ข้อกำหนดสอดคล้องกิจกรรม/กิจการที่ผ่อนคลาย ข้อกำหนดบางอันยกเลิกไปและเพิ่มบางส่วนเข้ามาเพื่อสุขภาพของพวกเราเองทุกคน ไม่ใช่เพื่ออำนาจตน ทุกคนมองแต่อำนาจ มันอยู่กับเราไม่นาน ถ้าเราไม่มีวิธีการทำอย่างโปร่งใส เป็นไป ตามกฎหมาย ตนพยายามทำตามกฎหมาย ไม่ใช้วิธีนอกกฎหมายอยู่แล้ว

ทำตามหลักการทั่วโลก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ยืนยันการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ใช่การแช่แข็งเศรษฐกิจประเทศ เพราะวันนี้มีสถานการณ์โควิด-19 เป็นหลักอยู่แล้ว และเสริมด้วยปัญหาเศรษฐกิจโลก ตนดูต่างประเทศมีมาตรการอะไรรองรับกับสถานการณ์โควิด มีปรับลดดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ยธนาคารกลาง เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน ตนก็ทำแบบที่เขาทำ มีแต่เพิ่มรายละเอียดยิบย่อย หลักการสำคัญเราทำเหมือนกับคนอื่นหมด ต้องดูพื้นฐานเราว่าเข้มแข็งพอหรือยังต้องมาจากรวมไทยสร้างชาติช่วยกันแสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ ตนตำหนิใครไม่ได้อยู่แล้วต้องรับฟังจากทุกคน ขอบคุณหลายคนตั้งใจดี แต่บางทีไม่เข้าใจกันวิพากษ์วิจารณ์กันไปจนทำให้ประเด็นสำคัญหายไปหมด ด้วยความไม่เข้าใจแล้วไปพูดกันต่อ เลยทำให้วุ่นวาย

ขู่ฟันเจ้าของอ่างปล่อยค้าประเวณี

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการผ่อนคลายเฟส 5 ที่อนุญาตให้เปิดกิจการอาบอบนวดได้แต่ห้ามค้าประเวณีว่าหากจับได้ต้องลงโทษ เพราะถือว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการและกฎหมายห้ามการค้าประเวณีอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่คนปฏิบัติ การผ่อนคลายระยะที่ 5 เป็นความเสี่ยงสูง รัฐบาลเตรียมพร้อมไว้แล้วทั้งด้านสาธารณสุข การตรวจรักษาโรค แต่อยู่ที่พวกเราทุกคนด้วย อย่าเผลอลืมตัว มาตรการอาจเยอะไปบ้าง แต่เป็นเพราะห่วงทุกคน

...

กลับจากกาตาร์ป่วยโควิด 2 ราย

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 วันเดียวกัน พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงข่าวที่กระทรวงสาธารณสุขว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย เป็นคนไทยกลับมาจากประเทศกาตาร์ รายแรกเป็นเพศชายอายุ 27 ปี รายที่ 2 เป็นเพศชาย อายุ 28 ปี อาชีพพนักงานนวดทั้ง 2 ราย เดินทางมาถึงไทยวันที่ 16 มิ.ย. และเข้าพักในสถานที่ที่รัฐจัดให้ใน จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งแรกในวันที่ 21 มิ.ย. ผลไม่พบเชื้อ และตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผลพบเชื้อ ทั้ง 2 รายไม่มีอาการ อย่างไรก็ตามมีผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศกาตาร์ เที่ยวบินเดียวกันและตรวจหาเชื้อในวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบเชื้อแต่ไม่แสดงอาการไปก่อนแล้ว 3 ราย ทำให้ภาพรวมไทยมีผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,171 ราย เป็นผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ 2,444 ราย และเป็นผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ 234 ราย มีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 3 ราย รวมรักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 3,056 ราย และยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 57 ราย ผู้ป่วยทั้งหมดมาจากสถานที่ที่รัฐจัดให้ ส่วนผู้เสียชีวิตไม่มีเพิ่ม คงอยู่ที่ 58 ราย

...

ติดเชื้อทั่วโลกพุ่ง 10.4 ล้านราย

พญ.พรรณประภากล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 พบผู้ป่วยสะสมทั่วโลกมากกว่า 10,408,433 ราย โดยเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 159,056 ราย และเสียชีวิตวันเดียว 3,422 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 507,497 ราย ทั้งนี้ ประเทศ 3 อันดับแรกที่มีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา บราซิล และรัสเซีย โดยประเทศสหรัฐฯมีผู้ป่วยยืนยันสะสมเกือบ 2.7 ล้านราย และถือเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่มากสุดของโลกกว่า 44,000 ราย ส่วนบราซิล มีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 25,000 ราย มีผู้ป่วยยืนยันสะสมกว่า 1.3 ล้านราย ส่วนประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากสุดในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา คือ บราซิล เม็กซิโก และอินเดีย

ป่วยรายใหม่อินเดียพุ่ง 2 เท่า

พญ.พรรณประภากล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในแถบเอเชีย พบว่าอินเดียยังเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยสูงสุดเกือบ 567,000 ราย โดยในวันนี้มีผู้ป่วย 18,000 ราย ตามมาด้วยปากีสถาน บังกลาเทศ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ตามลำดับ ส่วนญี่ปุ่น พบผู้ป่วยรายใหม่ 86 ราย และเกาหลีใต้ 43 ราย ซึ่งประเทศไทยยังคงอยู่ที่อันดับ 96 ของโลก สำหรับกราฟแสดงผู้ป่วยทั่วโลกจะพบว่าการรายงานจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ของสหรัฐฯและบราซิลนั้นยังคงมีผู้ป่วยรายใหม่มากอย่างต่อเนื่อง โดยบราซิลพบผู้ป่วยรายใหม่มากสุดถึง 50,000 รายต่อวันสลับกับประเทศสหรัฐฯ ส่วนกราฟแสดงจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศแถบเอเชีย ประเทศอินเดียยังมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะเวลา 1 เดือนมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากป่วยวันละ 10,000 ราย เป็นป่วยวันละ 20,000 ราย

ดูสหรัฐฯ หลังเปิดผับ–บาร์

พญ.พรรณประภากล่าวด้วยว่า ประเด็นที่น่าสนใจในสหรัฐฯ คือ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าพื้นที่เสี่ยง พื้นที่แออัด ร่วมกับการล้างมือ เช่นเดียวกับนโยบายของประเทศไทย อย่างไรก็ตามในวันที่ 1 ก.ค. จะมีการเปิดกิจกรรมกิจการเฟสที่ 5 การรักษาระยะห่างอาจทำได้ยาก ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือการสวมหน้ากาก นอกจากนี้อีกประเด็นที่น่าสนใจจากสหรัฐฯ เนื่องจากทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 500,000 ราย จำนวนนี้มาจากสหรัฐฯ ถึง 125,768 ราย โดยก่อนหน้านี้ทางภาคใต้และภาคตะวันตกที่ต้องเผชิญกับการระบาดอย่างรุนแรง และเมื่อต้นเดือน มิ.ย.สถานการณ์ดีขึ้น จึงมีการเปิดให้บริการ แต่ล่าสุดที่รัฐแคลิฟอร์เนียมีการประกาศมาตรการเข้มอีกครั้ง ด้วยการประกาศปิดบาร์ ในนครลอสแอนเจลิสและเขตอื่นๆอีก 6 เขต ตามรอยรัฐเทกซัสและรัฐฟลอริดา เนื่องจากผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะใกล้เคียงกับประเทศไทยที่จะมีการเปิดผับบาร์และคาราโอเกะ ดังนั้นจากประสบการณ์จากทั่วโลกเราจึงต้องให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

...

ใช้ 44 ข้อคุมโควิดเปิดเทอม

ต่อมา พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.ค. เป็นวันเปิดเทอมวันแรก มีการใช้แพลตฟอร์ม “ไทยสต็อปโควิด” ประเมินความพร้อมของโรงเรียน มีมาตรการทั้งหมด 44 ข้อ แบ่งเป็นมาตรการหลัก 20 ข้อและมาตรการเสริม 24 ข้อ ทั้งนี้ มาตรการหลัก 20 ข้อ ที่ออกตาม 6 มิติการควบคุมป้องกันโรคหลัก คือ 1.การคัดกรองเด็กก่อนเข้าสู่พื้นที่โรงเรียน 2.การสวมหน้ากากตลอดเวลา 3.มีจุดล้างมือ 4.การเว้นระยะห่างในห้องเรียน 5.การทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสบ่อยๆ และ 6.การจัดรูปแบบการใช้พื้นที่กิจกรรมร่วมกัน

โรงเรียนส่วนใหญ่ผ่านเกณฑ์

พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า จากโรงเรียนมีทั้งหมด 38,450 แห่ง มีการตรวจประเมินเบื้องต้นแล้ว 33,597 แห่ง ในโรงเรียนทุกสังกัดโดยส่วนใหญ่ร้อยละ 85.7 ผ่านการตรวจมาตรการครบทั้ง 44 ข้อ ถือว่าเป็นความร่วมมือและตรียมความพร้อม แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่ผ่านมาตรการหลักข้อใดข้อหนึ่ง โดยข้อที่อาจจะเป็นข้อจำกัดอยู่ คือเว้นระยะห่าง โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดในบางเรื่องที่เป็นไปตามลักษณะของโรงเรียน เราจะมีการตรวจติดตามร่วมกัน ตอนนี้เรามีต้นแบบของโรงเรียนเกือบทุกขนาดอยู่แล้ว เราจะดูอย่างให้มั่นใจ ไม่อยากให้กังวลใจ โรงเรียนที่ไม่ผ่านเราจะลงไปช่วยเหลือเพื่อให้เด็กได้เรียนหนังสือ ขออย่ากังวล ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย เตรียมพร้อมมาก ดังนั้น อย่างน้อยใน 2 สัปดาห์แรกหลังเปิดเรียน จะมีการกำกับติดตามการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคผ่านผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และจิตอาสาพิทักษ์อนามัยโรงเรียน ควบคู่มาตรการติดตามปกติ อิงตามมาตรการหลัก 20 ข้อ ครูต้องบันทึกอาการป่วยของเด็กทุกวัน โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ หากมีการเจ็บป่วยพร้อมกัน 5 รายขึ้นไป ต้องรายงานไปยังหน่วยงานสาธารณสุขที่จับคู่กับโรงเรียนให้เข้าไปควบคุมโรคโดยเร็ว เพื่อตัดวงจรการระบาดในโรงเรียน

วางแผนพบโควิดปิดโรงเรียน

“จะมีการบันทึกการเจ็บป่วยของนักเรียนทุกวันว่าเป็นอย่างไรเพื่อดูแนวโน้มก่อน เช่น อยู่ๆมีเด็กเป็นไข้ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ต้องลงไปดูและสอบสวนโรคว่าใช่โควิดหรือไม่ ถ้า 1 คนเป็นโควิด ก็ต้องดูต่อว่าเป็นในกลุ่มห้องเรียนเดียว ชั้นเรียนเดียวหรือไม่ ถ้าใช่ก็หยุดชั้นเรียนเดียวนั้น แล้วจัดการเรื่องความสะอาด ควบคุมสังเกตอาการนักเรียนทุกคนในห้องเรียนเดียวกัน แต่ถ้าใน 5 คน เป็นโควิด 2-3 คน แปลว่าการกระจายตัวของโควิดมากกว่า 1 ชั้นเรียน ก็มีความจำเป็นต้องปิดทั้งโรงเรียน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถควบคุมป้องกันโรค จำกัดวงของโรคได้” พญ.พรรณพิมลกล่าว

เปิดเทอมแบบ New Normal

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากความกังวลในการเปิดสถานศึกษาพร้อมกันทั่วประเทศดังกล่าว ทำให้โรงเรียนน้อยใหญ่ทั่วประเทศต่างต้องปรับตัวทำตามมาตรการของรัฐอย่างเคร่งครัด โดยที่ จ.ขอนแก่น นายยุทธศาสตร์ กงเพชร ผอ.โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน นำคณะครูเข้าทดสอบระบบการเปิดการเรียนการสอนประจำปีการศึกษา 2563 ภาคเรียนที่ 1 แบบ New Normal ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ที่บ้านจนมาถึงโรงเรียนและหลังเลิกเรียน เริ่มจากครูทำหน้าที่ตรวจสอบระบบการตรวจคัดกรอง บริเวณประตูทางเข้าทุกจุดของโรงเรียน พร้อมทั้งกำหนดจุดยืนเพื่อเว้นระยะห่าง การติดสัญลักษณ์ผ่านหากตรวจคัดกรองแล้วเสร็จ การให้บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และมอบหน้ากากอนามัยให้กับนักเรียนทุกคน ทั้งนี้ โรงเรียนมีนักเรียน ชั้น ม.1-ม.6 ประมาณ 4,600 คน การจัดห้องเรียน ตามที่ระเบียบกำหนดคือห้องเรียนละไม่เกิน 25 คน นักเรียนเลขคู่จะเรียนเฉพาะวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ขณะที่นักเรียนเลขคี่ จะเรียนเฉพาะวันอังคารและวันศุกร์ สลับวันกันในแต่ละสัปดาห์ ขณะที่นักเรียนที่ไม่ได้มาเรียน จะต้องเข้าเรียนผ่านระบบออนไลน์ ควบคู่ไปกับนักเรียนที่มาเรียนในชั้นเรียน เท่ากับว่าทุกวันนักเรียนทุกคนจะเข้าเรียนตามตารางการเรียนปกติ แต่ละคนไม่เหมือนกันคือการเรียนในห้องและเรียนแบบออนไลน์

เตรียมอุดมฯ ตั้งอุโมงค์สแกนเด็ก

ส่วนใน กทม.ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มีการเตรียมความพร้อมทั้งให้เด็กนักเรียนสลับกันมาเรียน บางส่วนเรียนออนไลน์ที่บ้านพร้อมไปกับเพื่อนที่เรียนที่โรงเรียน เป็นไปตามมาตรการควบคุมของ สพฐ. นอกจากนี้ นายณัฐธีร์ รังสีธนะพงศ์ หัวหน้างานบริการอาคารสถานที่ โรงเรียนเตรียมอุดมฯ ยังสาธิตการใช้อุโมงค์สแกนวัดอุณหภูมิที่โรงเรียนจัดทำขึ้น เป็นหนึ่งในการคุมเข้มตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในวันเปิดเทอมวันแรก 1 ก.ค.นี้ โดยอุโมงค์จะสแกนบอกว่าถ้าเด็กไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย หรืออุณหภูมิเกิน 37.5 อุโมงค์สแกนจะฟ้องในหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที เครื่องนี้จะเดินเข้ามาเป็นกลุ่มก็ตรวจจับได้ โดยจะนำไปติดตั้งที่ตรงประตูทางเข้าทั้ง 3 ทาง 3 ประตูทางเข้า นักเรียน อาจารย์ ผู้ปกครองทุกคนต้องผ่านอุโมงค์สแกน และฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์เจล

“ไข่-มาลีฮวนน่า” วอนรัฐช่วยผับบาร์

ในส่วนของการเปิดสถานบันเทิงและสถานบริการนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 มิ.ย. ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล สมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย นำโดย นายคฑาวุธ ทองไทย หรือ ไข่ มาลีฮวนน่า ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย มายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือแทน จากนั้น นายคฑาวุธ กล่าวว่า สมาพันธ์ฯ ขอให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาสถานบันเทิง ผับ บาร์ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เนื่องจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการ ผู้ประกอบอาชีพในสถานบันเทิงต้องหยุดงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องสูญเสียรายได้ ขาดเงินเลี้ยงชีพ จึงขอเรียกร้องมายังนายกฯ ให้รัฐบาลเชื่อมั่นผู้ประกอบการสถานบันเทิง ตระหนักและเตรียมการป้องกันเช่นเดียวกับผู้ประกอบกิจการกิจกรรมอื่นๆที่ได้รับการผ่อนปรนไปก่อนหน้านี้ ให้ทบทวนการสนับสนุนเงินเยียวยาให้กลุ่มคนบันเทิงได้รับสิทธิเยียวยาหรือมีมาตรการอื่นในการช่วยเหลือและควรสนับสนุนเงินทุนให้กับคนบันเทิงให้กู้เงินไปสร้างงานอื่น แบบปลอดดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยต่ำด้วย

อาบอบนวดระดมทำความสะอาด

ต่อมาผู้สื่อข่าวออกสำรวจตามสถานบริการอาบอบนวด ย่านถนนรัชดาภิเษก และถนนพระราม 9 พบแต่ละแห่งมีการระดมพนักงานทำความสะอาดสถานที่ก่อนกลับมาเปิดให้บริการความสุขกับลูกค้า เช่น สถานอาบอบนวดย่านริมถนนประดิษฐ์มนูธรรม ใกล้แยกพระราม 9 มีการประชุมพนักงานทุกระดับชั้นเพื่อซักซ้อมแผนนิวนอร์มอลก่อนเปิดบริการ ประชาสัมพันธ์สาวของสถานบริการเผยว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางร้านทำหนังสือเชิญสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ให้เดินทางมาเยี่ยมชมมาตรฐานการป้องกันโรคโควิด-19 ตามแนวทางให้บริการนิวนอร์มอลของทางร้านคือ จะรับเฉพาะคนไทยแบบมาเดี่ยวไม่รับแบบกลุ่ม ชาวต่างชาติงดบริการชั่วคราว ขณะนี้พนักงานกว่า 300 คน ถูกสั่งให้มาตรวจเลือดหมดแล้วมั่นใจว่าปลอดเชื้อร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้มาใช้บริการต้องผ่านการฆ่าเชื้อตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า ต้องสวมแมสก์ตลอดเวลา เมื่อเข้ามาในร้านจะมีเครื่องเทอร์โมสแกนแบบที่ใช้ในสนามบินตรวจวัดอุณหภูมิ ด้านการจัดโต๊ะบริการจากเดิมที่ให้นั่งโต๊ะละ 4 ปรับเหลือ 2 จุดหลักไฮไลต์ของร้านที่นั่งบนฟลอร์ของน้องๆที่มารอให้บริการแขกจะไม่มีกระจกกั้นและเดิมที่นั่งติดกันก็เปลี่ยนมานั่งเว้นระยะห่างแบบสลับฟันปลา แต่ขณะนั่งรอให้บริการคงสวมได้แค่เฟซชิลด์เพื่อให้ผู้มาใช้บริการสามารถเห็นใบหน้า เฉพาะตอนลงมาเจอแขกเท่านั้นจึงค่อยสวมแมสก์ และให้สวมไปจนสิ้นสุดการให้บริการ ด้านการจำหน่ายสุราช่วงนี้ให้งดก่อนเพราะต้องใช้แก้วที่อาจเผลอไปสัมผัสร่วมกันได้ จะขายเฉพาะเบียร์หรือเครื่องดื่มที่เป็นกระป๋องทานคนเดียวเพื่อความปลอดภัย

ให้เขียนชื่อไว้พร้อมเก็บมิดชิด

“ส่วนที่หลายคนกังวลมากคือเรื่องการเช็กอินกับแอปพลิเคชันไทยชนะ ลูกค้าที่ไม่สะดวกตรงนี้ไม่เป็นไรมีบริการลงชื่อและเบอร์โทรศัพท์บนกระดาษแทนไว้ให้ เสร็จแล้วจะห่อพลาสติกอย่างดีเก็บรักษาไว้เป็นความลับสุดยอดโดยจะทำลายทิ้งทุก 1 เดือน ในส่วนห้องสำหรับให้บริการนวดปรับเพิ่มความถี่การทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ข้าวของทุกอย่างที่ใช้ร่วมกัน ใช้แล้วเปลี่ยนใหม่หมด โดยเฉพาะอ่างน้ำใช้เสร็จแล้วจะต้องแช่ทิ้งไว้ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อในเวลาที่นานกว่าเดิม ส่วนการบริการตามกฎที่ต้องมีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลานั้นลูกค้าไม่ต้องกังวล เพราะเด็กทุกคนทราบดีว่าในแนวทางปฏิบัติจะต้องทำอย่างไร” ประชาสัมพันธ์สาวกล่าว

ตร.งัดข้อ ก.ม.คุมเข้มรับเฟส 5

ขณะที่วันเดียวกัน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.ฐานะโฆษก ตร. กล่าวถึงมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 5 ว่า ผบ.ตร.มีนโยบายสั่งการให้มีการประชุมร่วมกับทุกหน่วยในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เน้นย้ำให้ดูแลเป็นพิเศษ ยิ่งมีมาตรการผ่อนคลายฝ่ายปกครองต้องทำงานให้หนักขึ้น ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีทั้ง พ.ร.บ.สถานบริการ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.บ.สุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเองต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามข้อกฎหมาย โดยเน้นประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจกับ 3 กลุ่มหลักคือ เจ้าของกิจการ พนักงาน ประชาชน ผู้ใช้บริการ ขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยจะเชิญผู้ประกอบการในพื้นที่ บช.น.มาประชุมเพื่อทำความเข้าใจและทำข้อตกลงว่าจะต้องดำเนินการตามมาตรการขอความร่วมมือ และทั้ง บช.ภ.1-9 จะต้องมีการดำเนินการดังกล่าว และตำรวจต้องร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงและทหารเข้าตรวจสอบมากยิ่งขึ้นต่อไป

บางแห่งไม่เปิดกลัวไม่คุ้มทุน

กระนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ซอยบางลา หาดป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ย่านสถานบันเทิง-ถนนคนเดินชื่อดังของ จ.ภูเก็ต ผู้ประกอบการสถานบันเทิงต่างทยอยทำความสะอาดจัดเตรียมสถานที่ เพื่อเปิดให้บริการในวันที่ 1 ก.ค.หลังปิดทำการนานกว่า 3 เดือนจากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยนายเฉลิมพงศ์ แสงดี รองประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตองกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการในซอยบางลากว่าร้อยละ 60 เตรียมความพร้อมเปิดให้บริการ ในส่วนของชมรมฯ ได้จัดตั้งจุดคัดกรองทั้งต้นซอยและท้ายซอย จัดตั้งตู้ฆ่าเชื้อ และบริการเจลล้างมือ สำหรับผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ขณะเดียวกัน ยังมีสถานบันเทิงบางส่วนที่ยังไม่เปิดให้บริการ เนื่องจากยังมีความกังวลในเรื่องจำนวนผู้มาใช้บริการ เกรงไม่คุ้มกับการลงทุน

แนะจองคิวก่อนเข้าอุทยาน

ส่วนการเปิดให้เข้าเที่ยวในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศนั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน QueQ เพื่อจองการเข้าอุทยานแห่งชาติทั้ง 127 แห่งทั่วประเทศ ภายในแอปฯ จะเปิดให้ลงทะเบียนการท่องเที่ยว อุทยานฯแต่ละแห่ง โดยให้ระบุว่าจะไปท่องเที่ยวช่วงใด ยานพาหนะแบบไหน รายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของผู้ที่จะเดินทางไปทุกคน จากนั้นระบบจะให้โค้ดของแต่ละคนเพื่อให้นำไปแสดงก่อนเข้าอุทยานฯ ถ้าไม่มีโค้ดจะไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ถือเป็นชีวิตวิถีใหม่ในการท่องเที่ยวอุทยานฯ แอปฯ จะแจ้งให้ประชาชนทราบด้วยว่ามีคนจะเข้าไปในพื้นที่จำนวนเท่าไรและเหลือที่ว่างเท่าไหร่ นอกจากนี้ ก่อนที่ประชาชนจะเข้าพื้นที่ต้องสแกนแอปฯไทยชนะด้วย รวมถึงต้องทำความสะอาดมือ และตรวจเช็กอุณหภูมิ

เอ็มโอยูจ้างงาน 2 แสนตำแหน่ง

สำหรับผลกระทบและมาตรการเยียวยาจากภาครัฐในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ที่กระทรวงแรงงาน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน กล่าวหลังลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดหางานระหว่างกรมการจัดหางาน และ 6 บริษัทจัดหางาน “สานพลังประชารัฐสู้ภัยโควิด-19 เพื่อคนไทยมีงานทำ” ว่า วิกฤติโควิด ส่งผลให้แรงงานในหลายอาชีพต้องว่างงาน ความร่วมมือ ในครั้งนี้จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงตำแหน่งงานที่หลากหลาย มีคุณภาพ ทั้งตำแหน่งงานของภาครัฐ และภาคเอกชน ครอบคลุมผู้มีทักษะตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูง โดยตำแหน่งงานที่หน่วยงานภาครัฐได้รับแจ้งมีจำนวน 59,600 ตำแหน่ง ส่วนตำแหน่งงานว่างภาคเอกชนมี 143,300 ตำแหน่ง ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนเข้าถึงตำแหน่งงานว่างกว่า 202,900 ตำแหน่ง นอกจากจะช่วยให้แรงงานได้เข้าสู่ระบบการจ้างงานยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย

โควิดทำตกงานกว่าครึ่งล้านคน

ขณะที่นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดี กรมการจัดหางาน กล่าวถึงตัวเลขประชาชนที่ยื่นขอใช้สิทธิกรณีว่างงานออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ https://empui.doe.go.th  กับกรมการจัดหางานว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.มีผู้ยื่นขอรับสิทธิ 140,496 คน ลดลงจากเดือน พ.ค.ที่มีขอใช้สิทธิ 166,009 คน และเดือน เม.ย. 267,351 คน เป็นช่วงที่มีผู้ยื่นขอรับเงินชดเชยว่างงานเพิ่มขึ้นสูงที่สุด ยอดรวมขอรับเงินว่างงานในเดือน มิ.ย.มีจำนวน 505,594 คน แต่แรงงานบางส่วนอาจได้รับการว่าจ้างให้กลับเข้าไปทำงานใหม่แล้ว หลังจากรัฐบาลได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ 4 ระยะทำให้มีตำแหน่งงานในธุรกิจต่างๆ ที่กลับมามีความต้องการคนทำงานอีกครั้ง ส่วนสถานการณ์ว่างงานได้สั่งให้ติดตามใกล้ชิดพร้อมให้ข้อมูลการใช้สิทธิการว่างงานภายใน 30 วันหลังจากถูกเลิกจ้าง เพื่อให้ได้รับเงิน ชดเชยตามสิทธิ หากถูกเลิกจ้างเนื่องจากนายจ้างปิดกิจการเพราะผลกระทบจากโควิด-19 จะได้เงินชดเชยร้อยละ 70 ของค่าจ้างที่เคยได้รับ ระยะเวลาจ่ายไม่เกิน 200 วัน หากลาออกเองจะได้รับร้อยละ 45 ของค่าจ้างที่เคยได้รับ ระยะเวลาจ่ายไม่เกิน 90 วัน

ธ.ก.ส.โอนเงินเกษตรกรงวดที่ 2

ด้านนายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 จำนวน 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนว่า ธ.ก.ส.ได้โอนเงินในเดือน พ.ค.จำนวน 7.35 ล้านราย ครบหมดแล้ว วงเงินรวม 36,763 ล้านบาท ส่วนในเดือนที่ 2 คือเดือน มิ.ย.63 ธ.ก.ส.โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว 7.28 ล้านราย วงเงินรวม 36,416 ล้านบาท รวมทั้งสองเดือนมีการโอนเงินแล้วกว่า 73,179 ล้านบาท ในงวดที่สองเหลือโอนเงินเพียง 69,232 รายเท่านั้น ธ.ก.ส.จะทยอย โอนเงินให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 14 ก.ค.63 ส่วนที่ยังมีเกษตรกรอยู่ระหว่างตรวจสอบบัญชีอีก 120,074 ราย และ ธ.ก.ส.ไม่สามารถโอนเงินได้ 124,063 ราย เนื่องจากเกษตรกรยังไม่แจ้งเลขบัญชี ขอให้รีบแจ้งเลขบัญชีธนาคารผ่านเว็บ www.เยียวยาเกษตรกร.com  โดยด่วน ถ้าเกษตรกรมาแจ้งบัญชีธนาคารภายในวันที่ 10 ก.ค.63 จะได้รับการโอนเงินจำนวน 10,000 บาท (เดือน พ.ค.-มิ.ย.) ในคราวเดียวภายในวันที่ 14 ก.ค.63 ถ้าเกษตรกรมาแจ้งเลขบัญชีหลังจากวันที่ 14 ก.ค.นี้ เกษตรกรจะต้องรอรับเงินหลังจากธ.ก.ส.โอนเงินให้รายชื่อเดิมที่ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว 7.3 ล้านรายในงวดที่ 3 ก่อน จะโอนเงินหลังจากวันที่ 15 ก.ค.63 เกษตรกรจะได้รับเงินรวดเดียว 15,000 บาท เป็นการจ่ายย้อนหลัง 2 เดือนที่ผ่านมาด้วย

โอนเงินกลุ่มเปราะบางใน ก.ค.นี้

เช่นเดียวกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายอนุกูล ปีดแก้ว รองปลัด พม. กล่าวถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มเปราะบางว่า ตามที่ ครม.เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ในส่วนของ พม.รับผิดชอบ 3 กลุ่มคือ เด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด, ผู้สูงอายุ ที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และคนพิการ ที่ได้รับเบี้ยความพิการ ทั้งหมดเป็นผู้ที่ได้รับเบี้ยประเภทต่างๆ อยู่แล้วในเดือน พ.ค. 2563 อยู่ในระบบฐานข้อมูลปกติ ทั้งนี้ การจ่ายเงินเยียวยากลุ่มเปราะบางนี้จะจ่ายรวดเดียว 3,000 บาท ภายในวันที่ 20 ก.ค.นี้ สำหรับคนที่เพิ่งจะเข้าเกณฑ์ อาทิ คนที่อายุเพิ่งครบ 60 ปีในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเราไม่ได้มีวิธีการลงทะเบียนเหมือนโครงการอื่นๆแต่ใช้ข้อมูลทั้ง 3 กลุ่มนี้ที่มีบัญชีอยู่แล้ว พม.กำลังหาวิธีเพื่อเสนอรัฐบาลสำหรับกลุ่มใหม่ที่เพิ่ม อย่างไรก็ตาม คนกลุ่มนี้สามารถแจ้งความประสงค์กับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดได้ และหากพบปัญหาหรือสงสัย ให้โทร.สอบถามได้ที่ สายด่วน พม.1300

นักธุรกิจต่างชาติเข้าไทยต่อเนื่อง

ส่วนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดวันที่ 30 มิ.ย. มีคนไทยจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งเวียดนาม ญี่ปุ่น ไต้หวัน เดินทางมาถึงอีกจำนวนมากกว่า 600 คน รวมถึงกลุ่มแรงงานไทย 262 คน ที่ถูกทางการมาเลเซียจับกุมข้อหาเข้าประเทศผิดกฎหมาย และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ประสานนำกลับมา หลังผ่านด่านคัดกรองพบมีไข้ 12 คน นอกจากนี้ในกลุ่มที่เดินทางมาจากเวียดนาม มีนักธุรกิจชาวยุโรปและชาวเวียดนามเข้ามาด้วย 7 คน ส่วนที่มาจากญี่ปุ่น มีนักการทูตชาวญี่ปุ่นกับครอบครัว 5 คน และนักธุรกิจสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 23 คน เข้ามาด้วย ทั้งนี้ ยังพบคนไทยที่มาจากญี่ปุ่นมีไข้ 7 คน โดยคนที่มีไข้ทั้งหมดถูกส่งไปรักษาตัวใน รพ.ทันที ส่วนที่เหลือถูกส่งเข้าสถานกักตัวที่รัฐกำหนด กระจายอยู่ใน กทม. สมุทรปราการ และชลบุรี

เล็งเปิดแล็บตรวจเชื้อที่สนามบิน

ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ให้สัมภาษณ์ถึงมติที่ประชุม ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับอยากให้มีห้องปฏิบัติการในการตรวจคัดกรองที่สนามบินเพื่อตรวจหาเชื้อโควิดที่นั่นเลย จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาที่โรงพยาบาล เบื้องต้นทางสนามบินเตรียมพื้นที่ไว้ให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการแล้ว ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาคงเป็นภาคธุรกิจเป็นหลัก กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้เจรจาในการจับคู่ว่าจะมาจากที่ไหน และจะต้องเป็นประเทศที่มีสถิติการป้องกันโควิดใกล้เคียงกับไทย ต้องรอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาก่อน

ไวรัสมรณะยังลามทั่วโลก

สำหรับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ยอดผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลกอยู่ที่ 10.43 ล้านคน ผู้เสียชีวิตรวม 5.08 แสนคน รักษาหายรวม 5.69 ล้านคน และสถานการณ์การระบาด รุนแรงยังอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก 2.68 ล้านคน ผู้เสียชีวิต 1.28 แสนคน ตามด้วยบราซิล มีผู้ติดเชื้อรวม 1.37 ล้านคน ผู้เสียชีวิต 5.83 หมื่นคน และรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อรวม 6.47 แสนคน ผู้เสียชีวิต 9,320 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ที่ยังพุ่งไม่หยุดทำให้ทางการนครลอสแอนเจลิสรัฐแคลิฟอร์เนีย กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของรัฐและถือเป็นเมืองใหญ่ล่าสุดในสหรัฐฯ ที่ต้องกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะยอดผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยประกาศปิดพื้นที่สาธารณะ เช่น ชายหาด ท่าเรือ ลานจอดรถ และอื่นๆ ตลอดช่วงวันหยุดฉลองวันชาติสหรัฐฯ เริ่มเที่ยงคืนวันที่ 3 ก.ค.-เช้าตรู่วันที่ 6 ก.ค. ด้านรัฐอริโซนา ที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มชัดเจนเช่นกัน ก็ยกเลิกแผนเปิดกิจการต่างๆ พร้อมสั่งปิดบาร์ ไนต์คลับ โรงยิม โรงภาพยนตร์และสวนน้ำรวมทั้งห้ามชุมนุมเกิน 50 คน คำสั่งล็อกดาวน์มีผลไปจนถึงวันที่ 27 ก.ค.นี้

อียูเปิดรับ 14 ชาติรวมไทย

ด้านสหภาพยุโรป (อียู) แม้หลายประเทศ ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ก็พร้อมเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามาได้ เบื้องต้นประกาศชื่อ 14 ประเทศที่เข้าเกณฑ์ “ปลอดภัย” หมายถึงรับมือและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี จนสามารถให้คนจากกลุ่มประเทศเหล่านี้เดินทางเข้าอียูได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ประกอบด้วย แอลจีเรีย ออสเตรเลีย แคนาดา จอร์เจีย ญี่ปุ่น มอนเตเนโกร โมร็อกโก นิวซีแลนด์ รวันดา เซอร์เบีย เกาหลีใต้ ไทย ตูนิเซีย และอุรุกวัย แต่ไม่มีสหรัฐฯ บราซิล และจีน ส่วนพลเมืองอังกฤษใช้เงื่อนไขเดียวกับพลเมืองอียู เปิดพรมแดนให้เดินทางภายในอียูกันได้แล้ว เพราะอังกฤษอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านกระบวนการออกจากอียู (เบร็กซิต) จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.นี้

ผู้ดีปิดเมืองเลสเตอร์

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เมืองเลสเตอร์กลายเป็นเมืองแรกในอังกฤษที่กลับมาบังคับใช้คำสั่งล็อกดาวน์เข้มงวดอีกครั้ง ร้านค้าไม่จำเป็นต้องปิดตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. ส่วนโรงเรียนปิดตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. ส่วนการผ่อนคลายให้เปิดผับ ร้านอาหารและร้านทำผมที่จะอนุญาตทั่วอังกฤษเริ่มวันที่ 4 ก.ค.นั้น เมืองเลสเตอร์และพื้นที่โดยรอบต้องรอไปก่อน เพราะสถานการณ์การระบาดยังน่าห่วง ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรวมในอังกฤษอยู่ที่ 311,965 คน ผู้เสียชีวิต 43,575 คน

คืบวัคซีนอินเดีย

ขณะที่อินเดียที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 4 ของโลก 568,473 คน ผู้เสียชีวิต 16,919 คน แต่ก็ เริ่มมีข่าวดีเมื่อบริษัทภารัต ไบโอเทค ในเมืองไฮเดอ- ราบัด เริ่มทดลองวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในมนุษย์เมื่อวันที่ 1 ก.ค.หลังการทดลองในสัตว์ได้ผลน่าพอใจ ถือเป็นวัคซีนตัวใหม่ตัวแรกที่พัฒนาในอินเดีย ที่พัฒนาจากสายพันธุ์ไวรัสระบาดในท้องถิ่นและเข้าสู่กระบวนการทำให้เชื้อโรคอ่อนกำลังตามเงื่อนไขห้องทดลอง โดยปัจจุบันมีบริษัท 6 แห่งในอินเดียซุ่มพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 อยู่

จีนตื่นไข้หวัดหมูชนิดใหม่ “จี 4”

นอกจากนี้ ขณะที่การระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ล่าสุดวารสารวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ “PNAS” เผยแพร่ผลศึกษาวิจัยว่า ทีมนักวิจัยในจีนค้นพบเชื้อไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ที่อาจกลายพันธุ์จนแพร่ระบาดจากคนสู่คนเป็นวงกว้างได้ เป็นเชื้อไข้หวัดหมูที่ชื่อว่า “จี 4” (G4) เกี่ยวพันทางพันธุกรรมกับไข้หวัดหมูสายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 ที่เคยระบาดช่วงปี 2552 แต่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ไข้หวัดจี 4 ยังไม่เสี่ยงเกิดการระบาดครั้งใหญ่ในเวลาอันใกล้ แต่ยังวางใจไม่ได้ ด้านกระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงว่ารัฐบาลจับตาใกล้ชิด จะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันการระบาดของไข้หวัดชนิดนี้