เด็กชาย 13 ปี ส่ง “โกโก้” ลูกหมาพันธุ์บางแก้ว คืนเจ้าของแล้ว สุดรันทด ลูกบุญธรรมไร้งานช่วงโควิด-19 ต้องนำมือถือไปจำนำเป็นค่ารถกลับมาหาหลังทราบเรื่อง ขอบคุณ รพ.ศิริราช มูลนิธิ และวัดช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 27 มิ.ย. 2563 พ.ต.อ.อภิชาติ ทองจันดี ผกก.สน.หนองแขม เปิดเผยถึงกรณี เจ้าโกโก้ สุนัขพันธุ์บางแก้ว เพศเมีย วัย 2 เดือน แทะกินศพ น.ส.สุภาพร มุ่งวัฒนา อายุ 64 ปี หลังเสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจนใบหน้าซีกขวาหายไปหลายส่วน ว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการทำร้าย หรือมีใครพยายามเข้าไปในห้องของผู้ตาย สอบปากคำคนใกล้ชิดพบว่าผู้ตายมีโรคประจำตัวหลายโรค และช่วงหลังเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง คาดว่าอาจจะลื่นล้มและไม่สามารถลุกขึ้นเองได้จนหมดสติ ส่วนผลการสอบสวนหลานชายอายุ 13 ปี ที่พักกับผู้ตายก็ไม่พบพิรุธ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ไปสอบถามหลานชายผู้ตายเพิ่มเติมทราบว่า นำเจ้าโกโก้ ไปคืนให้เจ้าของแล้ว ซึ่งพักอยู่ใกล้วัดอุดมรังสี ย่านหนองแขม เพื่อความสบายใจ ส่วน นายวันชัย เหมือนคต อายุ 48 ปี บิดาของตน เมื่อทราบข่าวก็รีบกลับมาและเดินทางไปรับผลการชันสูตรศพที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.ศิริราช ผลออกมาว่า เสียชีวิตเพราะระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว ไม่เกี่ยวกับการที่เจ้าโกโก้ มาแทะบริเวณใบหน้าหลังหมดลมหายใจ และในวันพรุ่งนี้ (28 มิ.ย. 2563) จะเดินทางไปรับศพยายพร้อมกับบิดา เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจที่วัดมะพร้าวเตี้ย ย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 13

ขณะที่ นายวันชัย กล่าวว่า ตนเองเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตาย รักและนับถือเหมือนแม่แท้ๆ ก่อนหน้านี้เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ผู้ตายเป็นคนเร่ร่อน ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเงินติดตัวและอาศัยนอนตามวัด มักจะไปดูคณะลิเกที่ตนเป็นหัวหน้าวงอยู่เสมอ จึงเกิดความสงสารและพาผู้ตายมาช่วยเลี้ยงดูจนผูกพันกัน กระทั่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตนเลิกทำคณะลิเกเพราะคนจ้างน้อยลง จึงตัดสินใจเช่าห้องให้ผู้ตายอยู่กับลูกชายของตน ส่วนตนก็จะออกไปหางานรับจ้างทั่วไป ซึ่งตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาดงานก็หายาก รายได้ขาดมือไม่พอใช้

...

พร้อมกันนี้ ยังเล่าต่อไปว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ ผู้ตายเกิดอุบัติเหตุล้มกระแทกพื้นจนเดินด้วยตัวเองไม่ได้ แล้วมาตกบันไดที่บริเวณหน้าห้องพักซ้ำอีก ทำให้อาการยิ่งหนัก ไม่สามารถขยับตัวได้มาก ต้องนอนติดเตียง ตนเองจะพาไปหาหมอก็ไม่มีเงิน กระทั่งคืนวันเกิดเหตุออกไปหางานโดยให้ลูกชายเป็นคนดูแลตามปกติ จนช่วงเช้าวันที่ 26 มิ.ย. ลูกชายโทรมาบอกว่ายายเสียชีวิตแล้ว จึงนำโทรศัพท์มือถือไปจำนำกับเพื่อนแลกเงินจ้างแท็กซี่จากสมุทรปราการ มาจัดการเรื่องศพ โชคดีได้เจ้าหน้าที่ รพ.ศิริราช และมูลนิธิร่วมกตัญญูช่วยเหลือเรื่องโลงและรถนำร่างไปฌาปนกิจที่วัดมะพร้าวเตี้ย ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งทางวัดเองก็จะจัดการให้ฟรีโดยไม่คิดค่าบริการเช่นกัน.