กระทรวงสาธารณสุข ปรับระบบบริการผู้ป่วยนอกวิถีใหม่ เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการและผู้ให้บริการ ลดแออัด คัดกรองผ่านแอปพลิเคชันก่อนมาโรงพยาบาล แยกโซนบริการตามความเสี่ยง
วันที่ 18 มิถุนายน 2563 นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ แถลงข่าว New Normal OPD กรมการแพทย์ ว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 หรือ โคโรนาไวรัส ทำให้มีความจำเป็นต้องมีการปรับระบบบริการทางการแพทย์วิถีใหม่ โดยเฉพาะแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) ที่มีผู้ป่วยมาใช้บริการมากที่สุด กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ร่วมกับภาคีเครือข่าย จึงได้พัฒนาระบบบริการผู้ป่วยนอกวิถีใหม่เพื่อความปลอดภัยของผู้มารับบริการและบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน ลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอย และลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาค ได้รับบริการที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับภาวะความเจ็บป่วยที่แตกต่างกันในแต่ละราย ดังนี้
ความปลอดภัยลดโอกาสติดเชื้อของผู้มารับบริการและบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน
- คัดกรองผู้ป่วยก่อนมาโรงพยาบาลผ่านแอปพลิเคชัน
- มีจุดคัดกรองที่โรงพยาบาล
- จัดจุดบริการผู้ป่วยที่อาจติดเชื้อแยกจากผู้ป่วยอื่น
...
เมื่อไปพบแพทย์ที่ห้องตรวจ
- จัดสถานที่/ที่นั่งให้มีการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร
- มีจุดล้างมือ/ แอลกอฮอล์เจล
- ผู้รับบริการและเจ้าหน้าที่ต้องสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลา
การทำความสะอาดและการลดความเสี่ยง
- ทำความสะอาดจุดเสี่ยงสัมผัสต่างๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวจับ เก้าอี้พักคอย ปุ่มลิฟต์ เครื่องวัดความดันโลหิต ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- ใช้ฉากพลาสติก ฉากอะคริลิกป้องกันขณะให้บริการ
- ปรับโครงสร้างและระบบไหลเวียนอากาศให้ถ่ายเทตามมาตรฐานการควบคุมโรค
- แยกโซนบริการตามความเสี่ยงของผู้ป่วย
- ใช้ระบบลดการสัมผัสต่างๆ เช่น ประตูอัตโนมัติ การจ่ายเงินผ่าน QR code เป็นต้น
การลดความแออัดและลดระยะเวลาการรอคอย
- จำกัดจำนวนญาติ ไม่ควรเกิน 2 คน (หากไม่จำเป็น)
- การลงทะเบียน/ตรวจสอบสิทธิ์/นัดเวลาตรวจ online ก่อนมาโรงพยาบาล หรือผ่าน kiosk (คีออส) เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้ว
- มีระบบตรวจรักษาทางไกลสำหรับผู้ป่วยเก่าควบคุมโรคได้ดี
- การรับยาผ่านช่องทางด่วนในกรณีนัดที่ไม่ต้องพบแพทย์ การรับยาร้านยาใกล้บ้าน การส่งยาทางไปรษณีย์ การรับยาแบบ Drive Thru หรือ อสม.ส่งยาถึงบ้าน ขึ้นกับความพร้อมของแต่ละหน่วยบริการ
...
ขณะนี้ ดำเนินการแล้วในโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และในโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง ซึ่งจะมีผลในการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพิ่มความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้มารับบริการ
ทางด้าน นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กล่าวว่า สำหรับการแยกโซนบริการตามความเสี่ยง จัดการตามมาตรฐานการควบคุมโรค และจัดบริการที่แตกต่างกันตามสภาวะของผู้ป่วย แบ่งเป็นดังนี้
- คลินิกทั่วไปที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำ (สีเขียว) เช่น คลินิกโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- คลินิกที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อสูง (สีแดง) เช่น คลินิกโรคทางเดินหายใจ
- คลินิกผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย (สีเหลือง) เช่น คลินิกโรคมะเร็ง คลินิกปลูกถ่ายอวัยวะ หรือผู้ป่วยรับยากดภูมิคุ้มกัน
...