“พนม ศรศิลป์” อดีต ผอ.พศ. อ่วม ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาในคดีเงินทอนวัด รวม 7 คดี จำคุก 91 ปี 36 เดือน ต้องร่วมชดใช้เงินคืนให้ พศ. กว่า 85 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่เหลือมีทั้งอดีต ผอ.กองนักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ และอื่นๆในสังกัด พศ. โดนพิพากษาสั่งจำคุกลดหลั่นตามพฤติการณ์

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตเงินทอนวัด คดีหมายเลขดำที่ อท.280/2561 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามทุจริต 1 เป็นโจทก์ ฟ้องนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายบุญเลิศ โสภา อดีต ผอ. กองพุทธศาสนศึกษา พศ. นายณรงค์เดช ชัยเนตร อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ กองพุทธศาสนศึกษา นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการศาสนาชำนาญการ พศ. เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดต่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

หลังจำเลยทั้งหมดเบียดบังเงินเบิกจ่ายเงินงบประมาณโครงการผลิตสื่อการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม งบประมาณอุดหนุนการจัดกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาประจำปีงบประมาณ 57 และงบประมาณอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมบาลีประจำปีงบประมาณ 57 ระหว่างปี 56-57 มีการโอนให้วัดบางอ้อยช้าง วัดศรีเรืองบุญและวัดใหม่ผดุงเขต รวม 28 ล้านบาท และจำเลย ได้รับเงินคืน 21,700,000 บาท ในลักษณะเงินทอนวัด ชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ

ศาลพิพากษาจำเลยทั้ง 4 มีความผิดตามฟ้อง ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ ตาม ป.อาญา ม.147 จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 23 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 27 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 9 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน ให้จำเลยที่ 2 ใช้เงิน 1,600,000 บาทคืนแก่ พศ. (ผู้เสียหาย) ให้จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ใช้เงิน 10,800,000 บาท คืนแก่ พศ. (ผู้เสียหาย) และให้จำเลยที่ 1 และ 2 ใช้เงิน 1,300,000 บาท คืนแก่ พศ. (ผู้เสียหาย)

...

นอกจากนี้ ศาลยังอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท.281/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. นายบุญเลิศ โสภา อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศ. นายแก้ว ชิดตะขบ อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารฯ ทำการรับรองหลักฐานเป็นเท็จ

หลังจำเลยที่ 1-4 ร่วมกันขออนุมัติและเบิกจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนการจัดการศึกษาพระ-ปริยัติธรรมต่อนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ. (ในขณะนั้น) ให้สนับสนุนงบประมาณการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมให้แก่สำนักเรียนที่มีความพร้อมด้านการบริหารจัดการ ก่อนเรียกเงินคืนบางส่วน ในลักษณะเงินทอนวัด เหตุเกิดระหว่างเดือน มิ.ย.-ก.ย.56 จำเลยที่ 1-4 ให้การปฏิเสธ

ศาลเห็นว่าจำเลยทั้งหมดกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.147 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด ให้จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 4 กระทงรวมโทษทั้งสิ้น 44 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1-4 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้างจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 29 ปี 4 เดือนและให้จำเลยร่วมกันชดใช้เงิน 28,500,000 บาท คืน พศ. (ผู้เสียหาย)

มีรายงานว่า โทษจำคุกในส่วนของนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ.จำเลยที่ 1 ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษารวม 7 สำนวน ในความผิดการทุจริตงบฯ พศ. หรือคดีเงินทอนวัดนั้น เจ้าตัวถูกจำคุกรวม 91 ปี 36 เดือน และต้องร่วมกับจำเลยรายอื่นชดใช้ คืน พศ. รวมทั้งสิ้น 85,207,235 บาท