เจ้าของโรงนวดดังย่านรัชดาฯ เผยมีคนในธุรกิจบริการทุกระดับร่วมหมื่นโดนผลกระทบ จากการปิดสถานบริการสถานบันเทิง ขณะที่หมอนวดสาวครวญ ไร้รายได้แม้ปรับมา Work at home แขกก็กลัวโควิด-19 ไม่ยอมออกบ้าน
จากการที่รัฐบาลมีคำสั่งให้สถานบันเทิงทั่วกรุงเทพฯ ปิดการให้บริการเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ผู้สื่อข่าวสำรวจสถานบันเทิงอาบอบนวด ย่านถนนรัชดาภิเษก พบว่าทุกแห่งขานรับนโยบายรัฐด้วยการปิดให้บริการ ทั้งบางแห่งยังมีการทำความสะอาดสถานที่ครั้งใหญ่เพื่อฆ่าเชื้อ ที่อาบอบนวดชื่อดัง ย่านรัชดาภิเษก วันนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีพนักงานบางคนยังเดินทางมาทำงาน เนื่องจากไม่ทราบข่าวว่ามีคำสั่งให้ปิด
จากการสอบถาม “เฮีย บ.” (ขอสงวนนาม) เจ้าของอาบอบนวดชื่อคล้ายอดีตนักฟุตบอล ย่านรัชดาภิเษก เผยว่า ทางร้านมีพนักงานทุกสาขากว่า 200 กว่าคน แม้ปิดบริการก็จะยังคงจ่ายเงินเดือนอยู่ แต่เนื่องจากพนักงานมีรายได้จากเงินทิปจากแขก โดยเฉพาะพนักงานนวดที่ไม่มีแขกทำให้ขาดรายได้
...
เฮีย บ. กล่าวด้วยว่า ก่อนที่จะเกิดนโยบายปิดสถานบันเทิง สถานการณ์ก็ไม่ดีอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการหายไปกว่าร้อยละ 60-70 โดยเฉพาะลูกค้าคนไทยหายไปกว่าร้อยละ 50 คงเหลือแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ขณะนี้ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติหายไปหมด ลองคิดดูว่าจากเดิมพนักงานได้ทิปวันละ 600-700 บาท เหลือแค่วันละร้อยกว่าบาท ส่วนพนักงานนวดนั้นบางวันมาทำงานกลับบ้านโดยไม่ได้แขกก็มี ที่น่าห่วงคือพนักงานเหล่านี้วัยไม่เกิน 30 ปี อยู่ในช่วงสร้างตัว บางคนมีภาระหนี้สินเช่นการปลูกบ้านให้พ่อแม่ ค่าเช่าห้องพัก ค่าผ่อนรถ บางคนบ่นให้ฟังว่ากำลังจะโดนยึดโฉนดที่ดินเพราะขาดเงินจ่ายค่างวด
“ส่วนผลกระทบต่อธุรกิจในภาพรวมใน กทม.มีสถานบันเทิง จำนวน 851 แห่งที่ถูกสั่งปิด หากลองคำนวณว่าแต่ละคนต้องมีญาติมีครอบครัวที่ดูแล นโยบายนี้จึงจะทำให้มีผู้เดือดร้อนจำนวนนับหมื่นนับแสนคน เฉพาะใน กทม.คนที่ทำงานอาชีพพนักงานนวดก็มีกว่า 3 พันคน ที่ขาดรายได้ แต่เมื่อสั่งปิดสถานบันเทิงได้ทำไมภาครัฐกลับไม่ได้สั่งปิดศูนย์การค้าใหญ่ๆ ร้านสะดวกซื้อ เพราะเป็นแหล่งที่มีคนไปรวมกันมากๆ เช่นกัน โดยเฉพาะบ่อนใต้ดินขณะนี้ก็ยังเปิด จึงสงสัยว่าสถานที่เหล่านี้รัฐบาลไม่กล้าปิด เพราะกลัวจะไปกระทบใครหรือเปล่า" เจ้าของอาบอบนวดชื่อดัง กล่าว
เฮีย บ. กล่าวอีกว่า อยากเสนอว่า ถ้าจะแก้ให้ตรงจุดควรต้องปิดเมืองไปเลย คือ ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าประเทศแล้วให้ประชาชนที่สงสัยมาตรวจโรคทั้งหมด เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดทำได้เร็ว สถานการณ์จะได้กลับสู่ปกติ ทั้งควรมีมาตรการเยียวยาให้ประชาชนที่ไม่ได้ติดเชื้อแล้วต้องได้รับผลกระทบในช่วงนี้
ด้าน น.ส.นุ่มนิ่ม (นามสมมติ) พนักงานนวดสาว กล่าวว่า ทันทีที่นายกฯ ประกาศว่าจะปิดสถานบริการ ก็รู้สึกหดหู่ใจมาก เพราะต้องบอกว่าอาชีพนี้คือคนหาเช้ากินค่ำ แม้บางครั้งหาเงินได้มากแต่ทุกคนมีภาระหนี้สินเหมือนอาชีพอื่น ทั้งผ่อนบ้าน-รถ ส่งให้พ่อแม่ ฯลฯ ถ้าไม่มีแขกก็ไม่มีรายได้ ส่วนตัวแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระหลายหมื่นบาท การขาดรายได้ 14 วัน กระทบหนักแน่ อีกทั้งก่อนหน้าการระบาดของโรคโควิด-19 จะรุนแรง ลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนก็หายไปหมด จากเดิมทั้งร้านมีแขกเข้าวันละหลายร้อยรอบ เหลือวันละไม่เกิน 50 รอบ เด็กบางคนไม่ได้เงินกลับบ้านเลย เป็นแบบนี้ก็ต้องดึงเงินเก็บมาใช้ แต่ส่วนใหญ่คนทำอาชีพนี้ไม่มีเงินเก็บแบบพนักงานบริษัท ดังนั้นช่วงนี้คงต้องขอเลื่อนการชำระหนี้ธนาคารต่างๆ ไปก่อน
...
"ส่วนการปรับรูปแบบหาลูกค้านั้น ทางเจ้าของอาบอบนวด ก็แนะนำให้ทำงานที่บ้าน หรือ Work at home เช่นกัน โดยหมอนวดคนไหนที่มีลูกค้าประจำ ก็จะโทรไปหาให้มาใช้บริการที่ห้องหรือคอนโดฯ แทน แต่ปัญหาที่พบคือ ไม่มีลูกค้าคนไหนกล้ามา อาจเพราะกลัวโรคโควิด-19 เช่นกัน ไม่อยากเรียกร้องอะไรจากภาครัฐ ขอแค่เร่งแก้ไขสถานการณ์โดยเร็วให้สถานบันเทิงสามารถเปิดได้ก็พอ" พนักงานนวดสาว กล่าว.