กู้ภัยยังผวา หน่วยงานเกี่ยวข้องปัดเข้าตรวจศพ หนุ่มชาวจีนจากเมืองฝูเจี้ยน ดิ่งชั้น 6 โรงแรมย่านมักกะสัน หลังเปิดห้องเจอหน้ากากอนามัยจำนวนมาก เหตุเสี่ยงติดโควิด-19 ไม่มีชุดป้องกันเชื้อโรค

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 13 มี.ค. พ.ต.ท.หญิง ขนิษฐา เทพนวล สารวัตร (สอบสวน) สน.มักกะสัน รับแจ้งเหตุชาวต่างชาติพลัดตกจากโรงแรมแห่งหนึ่งย่านมักกะสัน จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ ผกก.สน.มักกะสัน แพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

จุดเกิดเหตุเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ความสูง 7 ชั้นติดริมถนน บริเวณทางเดินด้านข้างข้างตัวโรงแรม พบศพนายซิน ฟาซู อายุ 39 ปี สัญชาติจีน สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ที่พื้นทางเดิน จากการตรวจสอบโดยรอบพบเศษกระจกแตกกระจายเกลื่อนพื้น และยังพบกระจกห้องพักชั้นที่ 6 แตก และพบรอยเลือดเปื้อนอยู่ระเบียงชั้นที่ 2 เจ้าหน้าที่ต้องกันพื้นที่ไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใกล้ที่เกิดเหตุ และจากการตรวจสอบภายในห้องพักเลขที่ 628 ชั้น 6 ของโรงแรมดังกล่าว

...

เมื่อขึ้นไปตรวจบนห้องพักของผู้ตาย พบภายในห้องมีหน้ากากอนามัยจำนวนมาก และยังพบโทรศัพท์มือถือสภาพแตกกระจายอยู่ที่พื้นห้อง เจ้าหน้าที่จึงประสานเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคร่วมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เนื่องจากเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเมืองฝูเจี้ยน ประเทศจีนซึ่งถือว่าเป็นประเทศกลุ่มสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด19

จากการสอบสวนนายดำ (นามสมมติ) รปภ.ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนยืนปฏิบัติงานอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมดังกล่าว ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระแทกกระจกเสียงดังสนั่นหลายครั้ง เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่พบอะไรผิดสังเกต สักพักเห็นกระจกของโรงแรมร่วงลงมาจากนั้นเห็นอะไรบางอย่างสีดำ ตกลงมาจากอาคารเมื่อวิ่งมาดูก็พบว่าเป็นคนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

รายงานข่าวระบุว่า สำหรับนายซินฟาซู นั้นเดินทางเข้ามายังประเทศไทยประมาณวันที่ 5 มี.ค.63 และเดินทางมาเพียงคนเดียวก่อนเข้าเช็กอินที่โรงแรมแห่งนี้ ได้เพียง 1 วัน เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่พยายามได้ประสายงานไปยังกรมควบคุมโรค ที่เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำการร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นผู้ดำเนินการ แต่ทางโรงพยาบาลระบุว่าไม่สามารถเข้าดำเนินการได้ เนื่องสุ่มเสี่ยงเพราะไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ป้องกัน ทำให้กู้ภัยไม่รู้จะต้องดำเนินการอย่างไร เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากผู้เสียชีวิตติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จริงๆ.