"กองปราบ" บุกรวบแก๊ง 18 มงกุฎ อ้างเป็น "บิ๊กแดง-เลขาฯ ปปง." หลอกตุ๋นเงินคุณปู่วัย 79 อดีตวิศวกร 239 ล้าน หลังเหยื่อหลงเชื่อถูกดูดเงินเรื่อยมาตั้งแต่ 2555-2562 ล่าสุดออกอุบายขอยืมเงินอีก 100 ล้านบาท อ้างว่าจะนำไปใช้ซื้อของขวัญให้กับ "บิ๊กป้อม"

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 ม.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม รอง ผกก.5 บก.ป. แลเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลระดมกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุดในพื้นที่ กทม. เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 5 คน ประกอบด้วย 1.นายอภิชาต อินสว่าง อายุ 59 ปี 2.นายทรรศพล ทัศน์พลสกุล อายุ 56 ปี 3.นายปกรณ์ กรุงศรี อายุ 37 ปี 4.นางพัชราภรณ์ ไตรจักรปราณี อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 83-86 / 2563 ลงวันที่ 22 ม.ค. 2563 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้อื่นกระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และ 5.น.ส.ภัทราภรณ์ หมั่นกิจ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอายาที่ 88/2563 ลงวันที่ 22 ม.ค. 2563 ในข้อหาร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม พร้อมของกลางเป็นเอกสารต่างๆ และทรัพย์สินมีค่าหลายรายการ

พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า เมื่อกลางปี 2562 ได้มีนายนฤบ สารศักดิ์ อายุ 79 ปี อดีตวิศวกร ผู้เสียหาย เข้าร้องเรียนว่าได้ถูกนายอภิชาต และพวกร่วมกันหลอกลวงเอาทรัพย์สินมีค่า 239 ล้านบาทไป โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหากลุ่มนี้เริ่มจากเมื่อปี 2555 นายอภิชาต ได้รู้จักกับนายนฤบ ผ่านคนรู้จักที่อยู่ในแวดวงธุรกิจซื้อขายที่ดิน เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายเป็นผู้สูงอายุมีฐานะร่ำรวย จึงได้ออกอุบายหลอกผู้เสียหายว่าตัวเองมีคดีความอยู่ที่ศาลอาญา ทำให้เงินในบัญชีที่มีอยู่ 20 ล้านบาท ถูกอายัด เลยอยากขอยืมเงินจากผู้เสียหาย 15 ล้านบาทไปใช้ดำเนินการเรื่องถอนอายัดเงิน หากได้เงินมาแล้วจะคืนเงินให้ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อยอมให้ไป โดยทำสัญญากู้ยืมไว้เป็นหลักฐาน ผ่านไปถึงปี 2558 นายอภิชาต ยังไม่สามารถหาเงินมาคืนให้ได้ เมื่อถูกทวงถามมักจะจ่ายเช็คเงินสดมาให้ แต่เมื่อนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารกลับไม่สามารถขึ้นเงินได้

...

พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า เมื่อผู้เสียหายเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของนายอภิชาต ได้ออกอุบายใหม่ขึ้นมาอีก อ้างว่าตอนนี้เงินที่ถูกศาลอายัดได้ถูกถอนอายัดแล้ว เหลือเพียงแค่ทาง ปปง. ที่ยังคงอายัดเงินดังกล่าวอยู่แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะตนรู้จักกับ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สามารถวิ่งเต้นถอนอายัดเงินได้ ก่อนจะให้ผู้ต้องหาคนอื่นที่อยู่ร่วมขบวนการเดียวกันใช้โทรศัพท์แบบไม่แสดงหมายเลขโทรมาหาแล้วอ้างตัวว่าเป็น พ.ต.อ.สีหนาท ระบุว่าสามารถช่วยเหลือเรื่องเงินของนายอภิชาต ที่ถูกอายัดได้แต่ตอนนี้กำลังจะถูกโยกย้ายจึงอยากขอยืมเงิน 34 ล้านบาท ไปวิ่งเต้นเพื่อให้ได้อยู่ตำแหน่งเดิม ด้วยความที่อยากได้เงินคืนผู้เสียหายจึงหลงเชื่อยอมมอบเงินให้กับผู้ต้องหากลุ่มนี้ไปอีกตามที่ร้องขอ

พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า แม้ผู้ต้องหากลุ่มนี้จะได้เงินจากผู้เสียหายไปจำนวนมากแล้ว แต่ยังวางแผนหลอกเอาเงินผู้เสียอีกอย่างต่อเนื่อง โดยทำทีให้ผู้ร่วมขบวนการปลอมเสียงโทรศัพท์มาหาผู้เสียหายอีกอ้างตัวเป็น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. พูดคุยสร้างความสนิทสนมเรื่อยมา เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายเริ่มหลงเชื่อจึงออกอุบายขอยืมเงินอีก 100 ล้านบาท อ้างว่าจะนำไปใช้ซื้อของขวัญให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

พร้อมทั้งหลอกลวงเอาที่ดินของผู้เสียหายอีกหลายแปลง มูลค่าหลายสิบล้านบาทไปขายต่อ โดยอ้างว่าจะเสนอผลกำไรจากโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ตลอด 4 ปี มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาทให้เป็นค่าตอบแทน ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมให้ไปอีก กระทั่งต่อมาผู้เสียหายเริ่มผิดสังเกตเพราะเห็นว่าตั้งแต่ให้ยืมเงินไปยังไม่ได้รับเงินที่ยืมไปกลับคืนมาบ้างเลย จึงตรวจสอบจนทราบความจริง กว่าที่ผู้เสียหายจะรู้ตัวว่าถูกหลอกต้มตุ๋น ได้สูญเงินไปรวมกว่า 239 ล้านบาท จึงได้นำเรื่องมาร้องเรียนกองปราบจนมีการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ดังกล่าว

พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการสอบสวน นายอภิชาต นายทรรศพล นางพัชราภรณ์ ยังคงให้การปฏิเสธ ส่วน นายปกรณ์ และ น.ส.ภัทราภรณ์ ให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าทราบและรู้เห็นพฤติการณ์บางส่วน เช่นการนำนำเช็คของผู้เสียหายไปถอนเงิน แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการหลอกลวง แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.