ปี 2548 สื่อมวลชนและประชาชนต่างจับจ้อง “ฆาตกรต่อเนื่อง” นามว่า “สมคิด พุ่มพวง” เพราะด้วยความที่เขาก่อเหตุสังหารโหดหมอนวดและนักร้องคาเฟ่ 5 ศพ เหนือจรดใต้ จนสังคมต่างหวาดผวาในความโหดเหี้ยม และสงสัยว่า ภายใต้เบื้องลึกในจิตใจของเขานั้นเป็นเช่นไร และเขาผ่านชีวิตรูปแบบไหนมา

ย้อนกลับไป ปี 2548 สื่อมวลชนหลายแขนงขุดคุ้ยประวัติของ “สมคิด พุ่มพวง” จนต่อมาได้รับทราบว่า สมคิด พุ่มพวง มีชื่อเล่นว่า “แดง” โดยชีวิตวัยเด็กของเขานั้น ไม่ค่อยจะอภิรมย์เท่าใดนัก เขาถูกแม่ทิ้งไปตั้งแต่อายุยังน้อย พ่อมีเมียใหม่ที่เข้ากันไม่ได้กับลูกติดอย่างเขา

เมื่อโตเป็นหนุ่มจึงเป็นอาสาทหารพรานอยู่นานหลายปี ไม่กลับเข้าบ้านอีกเลยเป็นเวลานานนับสิบปี กระทั่งพ่อมาถูกคนร้ายยิงตาย โดยมีสาเหตุมาจากพูดในสิ่งที่คนอื่นยากจะเชื่อถือ และคำพูดนั้นส่งผลกลับมาถึงขั้นต้องแลกด้วยชีวิต

จากนั้น ชะตากรรมของสมคิดยังคงโลดโผนอยู่กับคดีโด่งดังหลายคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คดีฆาตกรรมอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เขาตกเป็นผู้ต้องหา ฐานให้การเท็จ ต้องจองจำในทัณฑสถานนานถึง 6 เดือน ระหว่างนี้ยังมีโอกาสเขียนจดหมายข่มขู่ครอบครัวของ “สุวัฒน์ วงศ์ปิยะสถิตย์” แกนนำต่อต้านบ่อขยะราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ (ต่อมา สุวัฒน์ วงศ์ปิยะสถิตย์ เสียชีวิตลงจากการต่อต้านโครงการที่ชุมชนได้รับผลกระทบ และเป็นโครงการที่ขัดต่อกฎหมายผังเมือง)

...

ต่อจากนั้น ชีวิตของชายฉกรรจ์ผู้นี้จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบ ไม่มีใครสนใจ กระทั่งวันที่ 29 มกราคม 2548 เขาฆ่ากดน้ำนักร้องคาเฟ่ และต่อมาในเดือนมิถุนายน เขาฆ่าสาวหมอดนวดแผนโบราณอีก 4 ศพรวดอย่างเหี้ยมโหด โดยแต่ละศพอวัยวะเพศมีร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์ บางรายปรากฏร่องรอยของความรุนแรงทางทวารหนักด้วย ที่สำคัญ 4 ใน 5 ศพ ยังถูกคนร้ายใช้กำลังบีบคอจนขาดอากาศหายใจ

โดย สมคิด มักจะวางตัวเป็นคนมีฐานะ และโทรศัพท์เข้าไปติดต่อขอเช่าห้องพักตามโรงแรมหรูในจังหวัดต่างๆ อ้างว่ามาพักเป็นหมู่คณะ หรือเป็นเซลส์แมน เมื่อโรงแรมเปิดห้องพักให้ก็จะใช้ชื่อ สุวัฒน์, ชูชาติ, สุชาติ และสมคิดก็มีลูกชายคนหนึ่งด้วย.