กล้าได้กล้าเสีย : จะเกิดอะไรขึ้นในเพื่อไทย

ขอให้ได้ดีๆเถอะ
เปิดตัวอย่างเป็นทางการคนแรกคือ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เพื่อลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระไม่สังกัดพรรคการเมือง
เริ่มต้นก่อนมีชัยไปกว่าครึ่ง...เขาว่าอย่างนั้นนะ
แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งจริงผลจะออกมาอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเวลานี้ยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งกันวันเวลาไหน เห็นพูดกันว่าราวๆกลางปี 63 ยังอีกนาน
“ชัชชาติ” นั้นเคยสังกัดพรรคเพื่อไทย ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อีกทั้งยังเป็นแคนดิเดตนายกฯคนหนึ่งที่พรรคเสนอชื่อ
พรรคเพื่อไทยนั้นหมายมั่นปั้นมือว่าจะส่งนายชัชชาติเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคเช่นกัน
แต่พอเอาเข้าจริงกลับประกาศลงสมัครอิสระ เชื่อว่าเปิดกว้างกว่าการลงสมัครในนามพรรคการเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความขัดแย้ง
แน่ล่ะ...ประเด็นนี้เลยกลายเป็นปัญหาขัดแย้งในเพื่อไทยทันที
กลุ่ม กทม.ภายใต้การนำของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคนั้นไม่เห็นด้วยและต้องการให้ลงสมัครในนามพรรค
เมื่อนายชัชชาติตัดสินใจอย่างนั้นในพรรคก็มีคนในพรรคส่วนหนึ่งให้การสนับสนุน และไม่ต้องการให้เพื่อไทยส่งผู้สมัครเพราะจะทำให้ไปตัดคะแนนกันเอง
เพราะคนที่จะลงคะแนนให้นายชัชชาติย่อมหนีไม่พ้นฐานเสียงของเพื่อไทยเช่นกัน หากเพื่อไทยส่งผู้สมัครก็จะเกิดปัญหาได้
ฐานเสียงของเพื่อไทยใน กทม. นั้นต้องยอมรับว่า คุณหญิงสุดารัตน์มีบทบาทสำคัญมาตลอด ถือว่าเป็นตัวชูโรงอยู่
ดังนั้นจึงต้องพยายามทุกหนทางเพื่อรักษาฐานเสียงเอาไว้ให้มั่นคง และมีความจำเป็นที่จะต้องหาผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.
พรรคการเมืองส่วนใหญ่ต่างก็หวังและต้องการได้ฐานเสียงจากคนกรุงเทพฯเนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ มี ส.ส.มากสุด
ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐนั้นส่งผู้สมัครแน่ หรือแม้แต่อนาคตใหม่ก็ตาม
ตำแหน่งเจ้าเมืองกรุงเทพฯนั้นถือว่ามีบทบาทและมีส่วนสนับสนุนการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างยากที่จะปฏิเสธได้
ประชาธิปัตย์เคยครองเก้าอี้ตัวนี้มาหลายสมัย แต่เนื่องจากผู้ว่าฯ กทม.ในสังกัดนั้นเกิดปัญหาทำให้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคเกิดความตกต่ำในระยะหลัง
เช่นกันเพื่อไทยนั้นเมื่อนายชัชชาติประกาศความเป็นอิสระไม่ขึ้นตรงต่อพรรคทำให้กลุ่ม กทม.ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าใดนัก
จึงมีความพยายามที่จะหาตัวผู้สมัครแม้จะต้องชนกับนายชัชชาติก็ตาม
นั่นจึงเป็นเหตุผลในหลายๆเหตุผลที่มี ส.ส.เพื่อไทย 68 คนเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคตัวจริง ที่ดูไบ
เป็นการยกโขยงชุดใหญ่ไปกันอย่างเอิกเกริกเลยทีเดียว
จะให้ข้อมูลอะไร มีความเห็นอย่างไรกับปัญหาภายในพรรคที่ดูเหมือนว่ามีร่องรอยความขัดแย้งชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เพียงแต่ยังมีเจ้าของพรรคตัวจริงคอนโทรลอยู่ก็เลยยังไม่ถึงขั้นแตกหัก
ประเด็นก็คือการบริหารพรรคนั้นไม่รู้ว่าใครตัวจริง ใครมีบทบาทจริง แม้จะมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวพรรคอยู่ก็ตาม
แต่ในความเป็นจริงแล้วเชื่อว่าอีกไม่นานคงจะถึงขั้นทางใครทางมันแน่.
“สายล่อฟ้า”