ชื่อของ “ครูเงาะ” ถูกสังคมพูดถึงเป็นวงกว้างอีกครั้ง หลังจากที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้โพสต์คลิป ครูเงาะ ขณะที่เธอไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคลิปสั้นๆ เวลา 14 วินาที แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะที่ผ่านมา ชื่อของ “ครูเงาะ” มักถูกพูดถึงในทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง

ทว่า “ครูเงาะ” เธอเป็นใคร เส้นทางชีวิตมาจากไหน ทำไมใครๆ ถึงเรียกขานเธอว่า “ครู” แทบจะทุกวงการ ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ย้อนเส้นทางชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อ “รสสุคนธ์ กองเกตุ” ที่เรียกได้ว่า กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่าย...

ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ จบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยเล่าถึงช่วงชีวิตวัยเด็กไว้ว่า “เราทำกิจกรรมมาตั้งแต่ชั้นประถม รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเวทีแล้ว หลังจากเรียนจบมัธยมปลายที่เตรียมอุดมฯ ก็ได้มาเรียนที่จุฬาฯ จากนั้นก็เล่นละครเวทีทุกปี

...

“ได้เล่นละครเวทีแล้วสนุกมาก เวลาเรียนไปสาย แต่ไปซ้อมละครตรงเวลาตลอด และตอนอยู่ปี 4 ได้ไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์ แล้วพบว่า ชอบการสอน เลยเริ่มศึกษาและได้มารู้จักกับอาชีพแอ็กติ้งโค้ช(ผู้ฝึกสอนการแสดง)”

หลังเรียนจบ เธอเข้าทำงานคัดเลือกนักแสดงหรือแคสติ้งให้บริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง พอทำได้ 2 ปี เริ่มรู้สึกว่า อยากทำหน้าที่สอนหรือปั้นคนมากกว่า เธอจึงตัดสินใจเรียนต่อด้านการแสดง ซึ่งครูผู้สอนของเธอเห็นแววการแสดง จึงชักชวนให้เธอไปทำงานแอ็กติ้งโค้ช

จากนั้น มีกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องแฟนฉันเรียกให้ไปช่วยงานแอ็กติ้งโค้ชให้กับทีมนักแสดงเด็กๆ ทุกคน ต่อมาจึงมีภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ติดต่อให้เธอไปทำหน้าที่แอ็กติ้งโค้ช เช่น ภาพยนตร์เรื่องแจ๋ว, เพื่อนสนิท, มหา’ลัยเหมืองแร่

“ก็ถามตัวเองอีกทีว่า เป็นแค่แอ็กติ้งโค้ชเนี่ยนะ เรียกว่าประสบความสำเร็จแล้วหรอ จุดนั้นทำให้เราอยากไปเรียนรู้สิ่งที่รักอย่างจริงจัง แล้วกลับมาพัฒนาประเทศ” เงาะ รสสุคนธ์ บอกเล่า

“ตอนหนังเรื่องเก๋าเก๋า เราทำให้นักแสดงบางคนร้องไห้ได้ บางคนร้องไห้ไม่ได้ ก็เกิดความสงสัยว่าเกิดจากอะไร เลยตัดสินใจเลิกทำงาน 1 ปี แล้วบินไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา เพื่อหาคำตอบเอามาช่วยนักแสดง พอไปเรียนก็เห็นโรงเรียนใส่ใจเรื่องการแสดงในเชิงลึกมาก ทำให้อยากทำโรงเรียนสำหรับคนที่รักการแสดงจริงๆ ไม่ได้อยากมาเพื่อที่จะดัง แต่มาเพื่อเป็นศิลปินหรือนักแสดงจริงๆ”

เมื่อเธอค้นพบแล้วว่า เธอจะยืนหยัดและเป็นที่ 1 ในสายแอ็กติ้ง เธอจึงพัฒนาตัวเอง จนได้รับหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษคณะนิเทศศาสตร์ในหลายสถาบัน เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ฯลฯ และเป็นวิทยากรพิเศษให้สถาบันและองค์กรชั้นนำต่างๆ อีกมากมาย

เธอประสบความสำเร็จ จนสามารถเปิดโรงเรียนการแสดงของตัวเองได้ และด้วยสไตล์การสอนชนิดสวยดุในคลาส แต่จะตลกอารมณ์ดีนอกห้องเรียน จึงทำให้เธอเป็นแอ็กติ้งโค้ชให้นักแสดงทั้งละครและภาพยนตร์อีกมากมายนับไม่ถ้วน ย่อมเท่ากับว่า ดารานับร้อยชีวิตในวงการเป็นศิษย์ของเธอ และหากจะไล่เรียงรายชื่อดาราแต่ละคนเป็นต้องร้องว้าว ไม่ว่าจะเป็น ณเดชย์ คูกิมิยะ, เจมส์ จิรายุ, อั้ม พัชราภา, พลอย เฌอมาลย์, ใหม่ ดาวิกา, คิมเบอร์ลี่, หมาก ปริญ, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ฯลฯ

...

ครั้งหนึ่งเธอเคยเล่าไว้ว่า “การที่เป็นคนไม่ทำธุรกิจ และไม่มีหัวทางด้านนี้ มักเป็นปัญหาของคนที่ทำงานด้านศิลปะ เพราะด้วยความที่เป็นครอบครัวทหาร รับราชการ ก็ยิ่งทำให้มีความรู้ด้านธุรกิจน้อย หนึ่งสิ่งที่ทำให้เรากล้าเปิดเป็นธุรกิจ เป็นโรงเรียนสอนการแสดงขึ้นมาก็คือ ความคิดที่ว่า การทำธุรกิจจะต้องทำตัวเองให้อยู่รอดก่อน และ 2 คือ เมื่ออยู่รอดได้แล้ว ต้องช่วยเหลือผู้อื่น”

เธอมองว่า โรงเรียนของเธอไม่ได้เปิดสอนแค่นักแสดง หรือคนที่อยากเป็นนักแสดงเท่านั้น แต่สอนคนทั่วๆ ไป ให้สามารถดำรงชีวิต และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ทำให้คนที่เข้ามาคลาสการแสดง มีผู้คนจากหลากหลายอาชีพ ทั้งประกันชีวิต หมอ จิตแพทย์ สถาปนิก ฯลฯ

...

ครูเงาะ รสสุคนธ์ เคยเป็นข่าวโด่งดัง จนทำให้สังคมเริ่มรู้จักชื่อของเธอและหันมาสนใจในตัวเธอมากขึ้น ภายหลังจากที่เธอเป็นคู่กรณีกับครูชื่อดังอีกท่านหนึ่ง จนหลายคนขนามนามเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า เบอร์ใหญ่เจอสายแข็ง(สายแข็ง หมายถึง ครูเงาะ) เพราะครูเงาะแม้จะอายุเพียงสามสิบต้นๆ แต่เรื่องวาทะและลูกล่อลูกชนก็ไม่เป็นรองใคร

ย้อนกลับไปช่วงต้นปี 62 ครูเงาะ ยังเคยไลฟ์ผ่านเพจ (22 มี.ค.62) หัวข้อว่า “ว่าด้วยเรื่องการเมืองและการหาจุดยืนให้ตัวเอง #ไลฟ์ครูเงาะ” ซึ่งมีประโยคหนึ่งที่ในไลฟ์ที่กลายเป็นมาเป็นดราม่า จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง นั่นก็คือ

“ครูมองว่าประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ดี ในข้อแม้ว่า ทุกคนพร้อมที่จะใช้มัน ทุกอย่างมันมีเวลา บางทีก็อยากฝากไปถึงคนที่จะเป็นนายกฯ คนต่อไป ให้สอบคัดเลือกคนที่จะมาใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยซ้ำ ว่าพร้อมหรือไม่”

ล่าสุด ชื่อของครูเงาะกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางอีกครั้ง เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้โพสต์คลิป ครูเงาะ ขณะที่เธอไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เป็นคลิปสั้นๆ เวลา 14 วินาที โดยในคลิปมีเนื้อหาคำพูดของครูเงาะความว่า “กูล่ะเบื่อจริงๆ ประเทศไทย ฝนก็ตก รถก็ติด พระนเรศวรกลอกตาเลยนะคะ กูอุตส่าห์กู้ชาติบ้านเมืองยุทธหัตถีมาให้มึง แค่รถติดมึงด่าประเทศชาติเลยนะคะ”

...

ต่อมา ครูเงาะ อธิบายถึงเหตุผลที่พูดออกมาเช่นนั้นว่า “ครูว่ามันอาจจะเป็นเพราะทีท่าด้วยนะ ครูเข้าใจนะเพราะมันเห็นแค่ 14 วินาที ซึ่งตอนนั้น ด้วยความที่เราเป็นนักเล่าเรื่องก็จะออกอรรถรส เสียงในตอนนั้นมันดูเป็นเสียงที่ดูเป็นลบ พอมันออกไปในลักษณะนั้นคนก็เลยจะเข้าใจว่า ครูกำลังพูดว่าอย่าบ่นประเทศ พอคนเข้าใจในลักษณะนี้ คนก็จะคิดถึงว่า เรามีสิทธิที่จะบ่นนะ เราก็เสียภาษีเหมือนกัน”

“ครูก็เคยบ่น ไม่ใช่ไม่บ่นเลย แต่ถ้าบ่นแล้วมันไม่มีอะไรดีขึ้นก็ไม่รู้จะทำไปทำไม เราผ่านรถติดกันมากี่รัฐบาลแล้ว เราก็บ่นเรื่องเดิม แต่ถ้าเราจะทำให้มันเกิดประโยชน์ ก็เสนอไปสิ เช่น ตรงนี้น้ำท่วม ตรงนี้ถนนไม่ดี ส่งไปที่รัฐบาลใครมีส่วนที่จะช่วยเหลือก็เข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ ครูบอกบ่นได้แต่อย่าด่าถึงประเทศชาติได้ไหม”

“ถ้าคนที่อยากประสบความสำเร็จ เขาจะคิดแก้ปัญหากับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ต้องทำยังไงถึงจะได้กินข้าว คนพวกนี้จะมีความก้าวหน้า เพราะเขาเห็นช่องทางแก้ปัญหา และพยายามพูดโยงไปให้เด็กเห็นคุณค่าของประเทศชาติว่าทุกประเทศมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เมื่อประเทศเรามีข้อเสีย เรามีหน้าที่ยอมรับและแก้ไข ไม่ใช่ก่นด่าประเทศ”.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง