ชาวบ้านย่านถนนอุทยาน หรือถนนอักษะ ร้องหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไฟส่องสว่าง 979 ต้น ดับไปกว่าครึ่ง โวยไม่เคยติดเต็ม 100% หรือมีแสงสว่างเพียงพอเลยแม้แต่คืนเดียว บางจุดเคยติดก็ดับ บางจุดเคยดับก็กลับมาติด สงสัยไฟสว่างสม่ำเสมอเฉพาะจุดที่มีร้านอาหาร ด้านกู้ภัยยันถนนมืดมาก มีอุบัติเหตุรถชนท้ายบ่อยครั้ง แต่โชคดียังไม่ถึงตาย ส่วนผู้ช่วย ผอ.เขตทวีวัฒนาแจง ระบบไฟชำรุดตั้งแต่น้ำท่วมปี 54 โบ้ย สนย.อาจจะยังไม่ได้รับจัดสรรงบ ขณะที่ สนย. ได้ทีของบกลาง 24 ล้าน ซ่อมไฟส่องสว่างถนนดับกว่า 300 ดวง
ชาวบ้านร้องทุกข์ไทยรัฐ ถนนอุทยานฯไฟส่องสว่าง 979 ต้นดับกว่าครึ่งเปิดเผยขึ้น โดยเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 17 ต.ค. ผู้สื่อข่าวไทยรัฐได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้านย่านทวีวัฒนาว่า ไฟส่องสว่างบนเสาไฟฟ้าบริเวณถนนอุทยาน หรือถนนอักษะ เป็นถนนเชื่อมต่อระหว่างพุทธมณฑลสาย 3 แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม.กับพุทธมณฑลสาย 4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เกิดดับมืดมานานหลายต้น ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนช่วงดังกล่าวซึ่งมีความยาวทั้งสิ้น 3.98 กิโลเมตรขึ้นบ่อยครั้ง อีกทั้งยังเป็นจุดล่อแหลมอันอาจทำให้เกิดคดีอาชญากรรมเนื่องจากแสงสว่างไม่เพียงพอ
จากการตรวจสอบบนถนนอุทยาน หรือถนนอักษะ ที่เคยได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงพุทธมณฑลสาย 3 เชื่อมต่อกับพุทธมณฑลสาย 4 พบว่าตลอด 2 ข้างทาง พบว่าไฟส่องสว่างบนเสาไฟฟ้าทั้งที่ติดตั้งบนถนนช่องทางหลัก และช่องทางคู่ขนานดับมืดใช้การไม่ได้จริงเกินครึ่ง จากที่มีทั้งหมด 979 ต้น แต่ยังมีประชาชนเดินทางมาใช้บริการร้านอาหารตาม 2 ข้างทาง รวมทั้งวิ่งออกกำลังกายและปั่นจักรยาน เพื่อสุขภาพกันอย่างต่อเนื่อง
นายธนวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ชาวบ้านละแวกดังกล่าวซึ่งเดินทางมาวิ่งออกกำลังกาย เผยว่า ทุกๆ วันช่วงหัวค่ำจะวิ่งจากบ้านย่านพุทธมณฑลสาย 3 ตัดเข้าถนนอุทยานมุ่งหน้าไปจนสุดถึงพุทธมณฑลสาย 4 แล้ววิ่งย้อนกลับเข้าบ้านพัก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง สังเกตเห็นว่าไฟส่องสว่างบนถนนสายนี้ ไม่เคยติดเต็ม 100% หรือมีแสงสว่างเพียงพอเลยแม้แต่คืนเดียว บางจุดเคยติดก็ดับ บางจุดเคยดับก็กลับมาติด ส่วนใหญ่จุดที่ไฟส่องสว่างติดใช้งานได้จะอยู่ช่วงใกล้ๆกับร้านอาหาร ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
...
“อยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ทราบว่าจะฝากไปถึงหน่วยงานใด เพราะถนนเส้นนี้เชื่อมต่อกันระหว่างกรุงเทพมหานคร และนครปฐม ลงมาตรวจสอบและแก้ไขให้ไฟส่องสว่างกลับมาใช้งานได้ทั้งหมด เนื่องจาก 2 ข้างทางในระยะทางของถนน ส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่รกชัฏ และป่าหญ้า เกรงว่าจะเกิดเหตุอันไม่พึงประสงค์ขึ้นกับสุจริตชน รวมถึงอุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจเกิดขึ้นเพราะผู้ใช้ยวดยานมองไม่เห็นเส้นทางอีกด้วย” นายธนวัฒน์กล่าว
วันเดียวกัน นายเอกชัย พรหมราช อายุ 27 ปี อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รหัสธรรมศาลา 028 เผยถึงกรณีไฟส่องสว่างบนถนนอุทยาน หรือถนนอักษะมืดใช้การไม่ได้เกินครึ่ง ว่า ปกติจะเข้าเวรดูแลพื้นที่รับผิดชอบ โดยจอดรถกู้ภัยที่หัวถนนอุทยาน ฝั่งพุทธมณฑลสาย 3 เท่าที่จำได้ไฟส่องสว่างบนถนนนี้ มีปัญหามานานมากกว่า 3 เดือน ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะกรณีรถชนท้ายกันในช่องทางคู่ขนาน เนื่องจากรถที่แล่นมาด้านหลังมองไม่เห็นรถที่จอดอยู่ด้านหน้า โชคดี ที่ตั้งแต่ช่วยเหลือมายังไม่มีรายใดถึงแก่ชีวิต ส่วนใหญ่จะแค่บาดเจ็บถึงเจ็บสาหัส ในกรณีที่เป็น รถ จยย.ชนท้ายรถยนต์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทุกๆคืน ตำรวจจราจร สน.ธรรมศาลา ได้พยายามป้องกันปัญหาเด็กแว้นกับแก๊งซิ่งรถแต่งอาละวาด โดยนำแผงเหล็กมากั้นในช่องทางหลักบริเวณหัวถนนอุทยาน ฝั่งพุทธมณฑลสาย 3 เพื่อบีบให้รถทุกคันไปแล่นในช่องทางคู่ขนาน ก่อนจะเปิดให้ใช้แล่นผ่านได้ตามปกติในช่วงเช้ามืดแล้ว ไม่เช่นนั้นตนเชื่อว่า น่าจะมีการเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตบ่อยครั้งขึ้น อย่างแน่นอน
ขณะที่นายมนัส อยู่นาม ผู้ช่วย ผอ.เขตทวีวัฒนา กล่าวถึงปัญหาร้องเรียนเรื่องไฟฟ้าส่องสว่างที่บริเวณถนนอุทยานหรือถนนอักษะ เขตทวีวัฒนา ดับกว่า 300 ดวง ว่า ระบบไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณถนนอักษะชำรุดตั้งแต่น้ำท่วมปี 2554 ถนนสายนี้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา (สนย.) ที่ผ่านมา เขตทวีวัฒนาได้ประสานงานและติดตามการแก้ไขปัญหาดังกล่าวกับ สนย.อย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนอักษะ และทราบว่าช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.2562 จะมีการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าที่ชำรุด แต่เรื่องก็เงียบหายไปจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ในการซ่อมแซมจำเป็นต้องใช้งบประมาณหลายสิบล้านบาท ในส่วนนี้ สนย.อาจจะยังไม่ได้รับจัดสรรงบ อย่างไรก็ตาม นโยบายผู้ว่าฯ กทม.ในการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างดับหรือชำรุด จะต้องแก้ไขให้ได้ภายใน 100 วัน เชื่อว่า สนย.จะแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เพราะที่ผ่านมาบริเวณถนนอักษะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ด้านนายธีรวัจน์ ห้วยหงษ์ทอง ผอ.สำนักการก่อสร้างและบูรณะ สำนักการโยธา กทม. กล่าวว่า ถนนอักษะมีความยาว 3,800 เมตร อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ 3,500 เมตร และอยู่ในพื้นที่เขต จ.นครปฐม 300 เมตร ขณะนี้ สนย.ได้ขอจัดสรรงบประมาณกลาง สำหรับซ่อมแซมระบบไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณถนนอักษะทั้งระบบแล้ว ต้องใช้งบประมาณกว่า 24 ล้านบาท หากได้รับจัดสรรงบแล้ว จะเร่งดำเนินการ ที่ผ่านมา สนย.ได้ซ่อมแซมไฟดวงที่ชำรุด แต่เมื่อซ่อมเสร็จและเปิดใช้งาน เกิดช็อต ตรวจสอบพบว่าระบบไฟฟ้าชำรุดทั้งระบบ จำเป็นต้องซ่อมแซมทั้งระบบ ขณะเดียวกัน กทม.ต้องประสาน จ.นครปฐม เกี่ยวกับการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าในพื้นที่ ขณะนี้ได้รับความเห็นชอบแล้ว