ทำให้ผู้คนในสังคมถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง เมื่อเรื่องราวของเสี่ยกำมะลอรายล่าสุดนี้ ถูกผู้เกี่ยวข้องทยอยออกมาแฉอย่างต่อเนื่อง หลังสร้างวีรกรรมสุดแสบหลอกพริตตี้สาวชาวบุรีรัมย์ แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ และหย่าในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนหายตัวไปพร้อมทิ้งหนี้ก้อนโตหลักล้านเอาไว้เป็นอนุสรณ์
ย้อนไปเมื่อประมาณต้นปี เสี่ยกำมะลอมาพร้อมกับโปรไฟล์ที่แสนจะดูดีในมาดนักธุรกิจ 2 หมื่นล้าน และสารพัดคำพูดระดับพระกาฬใครเห็นก็รักก็หลง พูดอะไรใครก็เชื่อถือ นับประสาอะไรกับสาวพริตตี้ วัย 30 ปี ซึ่งอายุห่างจากเสี่ยกำมะลอ เกือบ 20 ปี ก็ต้องหลงใหลหลงเชื่ออย่างจริงแท้แน่นอน จนเกิดความรักสีชมพูเมื่อวันที่ 15 มี.ค.
ผ่านไปเพียงวันเดียวเสี่ยกำมะลอ ได้ขอแต่งงาน เมื่อ 16 มี.ค. และยืนยันในความรักที่หนักแน่นนำไปสู่การจดทะเบียนสมรส เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ต่อด้วยการจัดงานแต่งสุดอลังการเมื่อวันที่ 10 พ.ค. พร้อมสินสอดเป็นเช็คเงินสด 1.6 ล้านบาท ซึ่งเช็คเงินสดได้อันตรธานไปอย่างไร้วี่แวว กระทั่งจบเร็วด้วยการหย่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา
ไม่ใช่แค่สาวพริตตี้ที่ตกเป็นเหยื่อเท่านั้น วีรกรรมสุดแสบของเสี่ยกำมะลอ ยังคบซ้อนหลอกลวงสาวรายหนึ่งเป็นเวลา 4 ปี โดยอ้างว่าเป็นซีอีโอ ที่ปรึกษาทางการเงิน จนครอบครัวฝ่ายหญิงหลงเชื่อหมดเนื้อหมดตัว ลงทุนร่วมทำธุรกิจเพาะเห็ดขาย และสูญรถยนต์ไป 3 คัน ซึ่งมารู้ภายหลังว่าถูกเอาไปจำนำ สร้างความเจ็บช้ำใจเป็นอย่างมาก เพราะต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้หนี้เป็นล้านแทนไอ้หนุ่มแสบนักต้มตุ๋นคนนี้
...
เมื่อขุดคุ้ยรื้อประวัติเสี่ยกำมะลอ พบว่าได้โพสต์ภาพสร้างโปรไฟล์สุดหรูในอินสตาแกรม ทั้งภาพนั่งในห้องโดยสารเครื่องบินส่วนตัว และภาพขับเครื่องบินส่วนตัว รวมทั้งขับรถสปอร์ตหรูราคาแพง พร้อมกับโชว์ความรวยถ่ายคู่กับธนบัตรกองใหญ่ชนิด 1 พันบาท
นอกจากนี้ยังมีภาพพบปะหารือเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วกับประธานบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศจีน พร้อมชายหนุ่มคนไทยอีกคนซึ่งนามสกุลเดียวกัน อ้างว่าเป็นที่ปรึกษากิจการของรัฐบาลไทย ซึ่งยิ่งตอกย้ำความน่าเชื่อถือให้คนหลงเชื่ออย่างสนิทใจ พร้อมโปรไฟล์ตำแหน่งผู้บริหารระดับผู้อำนวยการ ซึ่งมีที่อยู่บนเกาะฮ่องกงในเขตจิมซาจุ่ย ของฝั่งเกาลูน อีกด้วย
ไม่เท่านั้นชื่อของเสี่ยกำมะลอ ยังไปโผล่ในการรับรางวัลผู้นำองค์กร ประจำปี 2561 จากมูลนิธิแห่งหนึ่งอีกด้วย นอกจากนั้นก่อนหน้าเคยมีประวัติโชกโชนในคดีเช็ค พื้นที่สน.บางซื่อ เมื่อปี 2557 และคดีเดียวกัน ในพื้นที่ สน.โคกคราม เมื่อปี 2558 ถึง 2 ครั้ง นำไปสู่การถูกจับกุมเมื่อปี 2559
อาจเรียกได้ว่าเสี่ยท็อป เป็นนักต้มตุ๋นระดับแนวหน้า เพราะเมื่อปี 2555 มีชื่อเป็นคณะทำงานของสุชาติ ลายน้ำเงิน ซึ่งเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงไม่แปลกที่จะมีบัตรเข้าออก-ทำเนียบรัฐบาล โดยสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า ยังไม่รู้ที่มาว่าเสี่ยกำมะลอรายนี้ มาจากที่ไหนหรือมีใครเอามาฝาก และเอกสารตอนนั้นไม่แน่ใจว่าจริงหรือปลอม ซึ่งยอมรับขณะทำหน้าที่รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีเอกสารเข้ามามากอาจไม่ละเอียดมากพอ จึงเซ็นรับไปเป็นคณะทำงาน
“ด้วยความเป็นส.ส.ตอนนั้น มีคนรู้จักมากมาย ไม่รู้มาทางไหน ใครฝากมาบ้าง จนไม่สามารถกลั่นกรองได้ว่าใครเป็นใครเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้นเขาอาจเป็นคนดีก็ได้ แต่ขณะนี้ได้ให้ลูกน้องเก่าช่วยตรวจสอบเอกสารในทำเนียบเพื่อย้อนหาต้นตอ หรืออาจมีการเข้าหาตีสนิทกับใครบางคนในตอนนั้น จนฝากมาเป็นคณะทำงานของผมก็เป็นไปได้ และเท่าที่รู้เขามาจากสมุทรปราการ มาตีสนิทสร้างความน่าเชื่อถือกับนักการเมือง อาจเป็นส.ส.คนใดคนหนึ่ง ก่อนเข้ามากรุงเทพฯ มาเป็นคณะทำงานของผม เพื่อสร้างโปรไฟล์ เพราะตำแหน่งนี้ไม่มีเงินเดือน” สุชาติ กล่าวทิ้งท้าย
...
ต้องติดตามกันต่อไป คาดว่าวีรกรรมของเสี่ยท็อป มหาเศรษฐีกำมะลอ คงจะถูกแฉไม่หยุด และต้องหลบหนีหายหน้าหายตาไปสักระยะหนึ่ง พร้อมคำถามมากมาย เสี่ยท็อป ทำอย่างไร? ถึงสร้างโปรไฟล์ลวงโลกได้ถึงขนาดนี้ หรือใช้ประโยคคำพูดน่าเชื่อถือ จนเหยื่อตายใจตกหลุมพรางถูกใช้ประโยชน์ให้เข้าทางเสี่ยท็อป เพื่อไปต่อยอดหลอกผู้คนอื่นอีกต่อๆ ไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปไทม์ไลน์ งานแต่งอลวน "เสี่ยหมื่นล้าน" พบประวัติลวงโลก คดีฉาวเพียบ