จากการหายตัวของน้องไอแอล ทารกอายุ 18 วัน กระทั่งพบเป็นศพอยู่หลังห้องน้ำของบ้าน โดยผู้เป็นแม่อ้างว่า ขณะนั่งเลี้ยงลูกพร้อมกับเล่นโทรศัพท์มือถือ ได้พบว่าลูกไม่หายใจแล้ว จึงเอาผ้าอ้อมห่อศพลูกใส่ในกระเป๋า นำไปซ่อนในตู้เสื้อผ้า จนศพเริ่มมีกลิ่นเหม็นโชย จึงนำศพมาทิ้งไว้หลังห้องน้ำ ทำให้ผู้เป็นแม่ตกเป็นต้องหาในที่สุด

ต่อมาทางครอบครัวได้เชิญพ่อหมอ มาทำพิธี "สะกดวิญญาณ" ตามความเชื่อโบราณ เพื่อไม่ให้วิญญาณออกมาเร่ร่อนและก่อกวนคนในบ้าน เริ่มจากขึ้นไปด้านบนบ้านชั้น 2 บริเวณตู้เสื้อผ้าที่ซ่อนศพ โดยใช้ค้อนตอกตะปูเข้าไปที่ตู้ทั้งหมด 4 จุด จากนั้นเดินไปด้านหลังห้องน้ำ ใช้ค้อนตอกตะปูเข้าไปที่หิน บริเวณจุดที่ศพนอนหงาย 2 จุด ก่อนนำร่างใส่โลงทำพิธีสะกดวิญญาณ และทำพิธีฝังหลอก 7 ปี จากนั้นได้ทำพิธีเผาร่างน้องไอแอล โดยพ่อหมอต้องเฝ้าวิญญาณ จนกว่าจะเผาร่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เพราะเชื่อว่าผีเด็กทารกมีความน่ากลัวกว่าผีเด็กผู้ใหญ่

ในส่วนประเด็นความเชื่อผีเด็กทารกน่ากลัวสุดๆ หรือไม่นั้น ด้าน "เอ แบล็กเมจิก ไทยแลนด์" ผู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์สายเขมร มากว่า 10 ปี กล่าวกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" ว่า ปกติผีเด็กมีความน่ากลัวอยู่แล้ว จะเฮี้ยนมากน้อยขึ้นอยู่กับวันเดือนปีเกิดและวันที่เสียชีวิต หากเสียชีวิตวันเสาร์และเผาวันอังคารถือว่าแรงมากตามตำราของเขมร หรือสมมติใครทำให้เด็กทารกคนนี้ตายก็จะอาฆาตคนที่ฆ่า ขณะที่คนบางกลุ่มจะนำเด็กทารกที่ตายโหงมาบูชา เพราะเชื่อว่าส่งผลดีในเรื่องเมตตามหานิยมด้านโชคลาภ ค้าขาย ซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ หรือหลายคนมองเรื่องพวกนี้เป็นความงมงาย ไม่ควรกระทำใดๆ กับศพเด็กทารกก็ควรทำพิธีฌาปนกิจเพื่อให้วิญญาณเด็กไปสู่ที่สงบ

...

กรณีการทำพิธีสะกดวิญญาณน้องไอแอล มองว่าเป็นความเชื่อในท้องถิ่นที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา เพื่อส่งวิญญาณน้องไอแอล คาดว่าเป็นวัฒนธรรมของการไหว้ผีสางของคนภูเขา และอีกหนึ่งเหตุผลเพื่อลดความกลัวจากการมโนคิดไปเอง จึงทำพิธีให้เกิดความสบายใจของคนในครอบครัว โดยเชิญพ่อหมอมาตอกตะปูหลายจุด เพื่อสะกดวิญญาณตามไสยศาสตร์มนตร์ดำ ขณะที่ตำราของเขมรการจะตอกตะปูสะกดวิญญาณจะใช้ตะปูเพียงดอกเดียวในการตอกยังโลงศพ ซึ่งมีการร่ายคาถาระบุชื่อคนตายไม่ให้วิญญาณออกอาละวาดรบกวนผู้คน

"การทำพิธีต่างๆ เป็นไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น ที่ผ่านมามีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ ยิ่งในยุคปัจจุบันหากทำพิธีใดๆ อย่างเอิกเกริก ก็จะถูกมองว่าสร้างความงมงาย เพราะฉะนั้นอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคนบุคคลแล้วกัน หากทำแล้วสบายใจก็ทำไป"