"กองปราบ" รวบเซียนกำถั่ววัย 74 ถูกยกให้เป็นบิดาแห่งตำนาน "แก๊งควาย" 18 มงกุฎ เที่ยวตระเวนหลอกตุ๋นเงินจากการเล่นพนันกำถั่ว ที่ใช้กลยุทธ์หลอกลวงเหยื่อที่มีฐานะ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ โดยชักชวนร่วมหุ้นทำธุรกิจก่อนจะชวนมาเล่นพนัน ทั้งนี้ผู้ต้องหายังสารภาพปัจจุบันอายุมากได้ถ่ายทอดวิชามีกลโกงต่อให้ลูกศิษย์นับร้อยคน...

เมื่อวันที่ 2 ต.ค.62 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ สว.กก.2 บก.ป.นำกำลังจับกุมนายพังพะกาญจน์ กาญจนศักดินากุล อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 ถ.พัฒนา ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตามหมายจับ ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 268/2558 ลงวันที่ 26 พ.ค.2562 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” จับได้ที่ บ้านเช่าไม่มีเลขที่แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

พ.ต.อ.อรุณ กล่าวว่า นายพังพะกาญจน์ ผู้ต้องหารายนี้ถือเป็นหนึ่งในสมาชิกระดับแกนนำ "แก๊งควาย" หรือกลุ่มมิจฉาชีพต้มตุ๋นหลอกเล่นพนันกำถั่ว ที่มีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้ ซึ่งจะมีการแบ่งเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มละประมาณ 4-5 คน และแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ เริ่มแรกจะให้หน้าม้าออกตระเวนหาเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุมีฐานะร่ำรวยตามพื้นที่ต่างจังหวัด จากนั้นก็จะเข้าไปทำทีตีสนิทแสร้งทำเป็นชักชวนร่วมหุ้นทำธุรกิจต่างๆ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อไว้วางใจ ก็จะชักชวนมาเล่นพนันกำถั่ว กับผู้ร่วมขบวนการอีกส่วนหนึ่งที่เปิดโรงแรมรออยู่ และทำหน้าที่เป็นเจ้ามือพนันกำถั่ว ซึ่งรูปแบบการเล่นพนันกำถั่วนั้นจะใช้อุปกรณ์เพียงแค่ 2 อย่าง คือ 1.เม็ดถั่วหรือวัตถุอะไรก็ได้ที่มีลักษณะเป็นเม็ด และ 2.ฝาครอบลักษณะทึบ เมื่อเริ่มเล่น ทางเจ้ามือจะนำฝาครอบไปครอบถั่วไว้ โดยไม่ต้องนับจำนวน จากนั้น จะนำถั่วออกมาจัดเป็นกลุ่มเรื่อยๆ กลุ่มละ 6 เม็ด จากนั้นก็จะให้ทางเหยื่อเป็นคนทายว่า เศษที่เหลือนั้นจะเป็นจำนวนคู่ หรือจำนวนคี่ ถ้าหากเหยื่อทายถูกก็จะได้รับเงินจากเจ้ามือ แต่หากทายผิดก็จะต้องเสียเงินให้กับเจ้ามือ

...

พ.ต.อ.อรุณ กล่าวต่อว่า โดย 4-5 เกมแรกผู้ร่วมขบวนการที่ทำหน้าที่เป็นเจ้ามือจะแกล้งยอมให้เหยื่อเป็นฝ่ายชนะได้เงินไปก่อน เพื่อให้เหยื่อตายใจและอยากเล่นต่อ หลังจากนั้นเกมต่อๆ ไปมิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะเริ่มทำการโกง โดยการให้หน้าม้าผู้ร่วมขบวนการอีกคนที่เป็นลูกค้าเล่นพนันด้วยกัน เข้ามาชวนเหยื่อพูดคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและเสียสมาธิ จากนั้นเจ้ามือก็จะแอบหยิบเม็ดถั่วเข้าออกฝาครอบเพื่อให้เหยื่อทายผลผิดและเสียเงิน อีกทั้งเมื่อเหยื่อเริ่มแพ้ ก็จะยิ่งอยากได้เงินคืนมากขึ้น จนทำให้สุดท้ายกลายเป็นติดหนี้แก๊งควาย ต้องเสียเงินทองเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหยื่อบางคน ถึงขนาดนำโฉนดที่ดินของตนไปจำนองเพื่อนำเงินมาให้กับแก๊งควายดังกล่าว จากนั้นเมื่อได้เงินเหยื่อมาจนพอใจแล้วแก๊งควายดังกล่าวก็จะนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน โดยผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนหาเหยื่อมาจะเป็นผู้ที่ได้รับส่วนแบ่งมากที่สุด

ทั้งนี้ จากการสอบสวนนายพังพะกาญจน์ ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุดังกล่าวมานานกว่า 20 ปี จึงมีความช่ำชองจนได้รับการขนานนามว่าเป็น "บิดาแห่งแก๊งควาย" โดยตนจะทำหน้าที่เป็นหน้าม้าคอยเล่นละครตบตาเป็นเสี่ยใหญ่หรือนายทุนที่มาร่วมเล่นพนันกำถั่วกับเหยื่อ เพื่อสร้างความน่าเชื่อให้กับเหยื่อ ที่ผ่านมามีผู้เสียหายที่เคยถูกตนเองหลอกประมาณ 10 กว่าคน ได้เงินมาแล้วสิบกว่าล้านบาท กระทั่งช่วงหลังอายุมากขึ้นสภาพร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนเก่า จึงเริ่มผันตัวมาเป็นอาจารย์คอยสอนและถ่ายทอดวิชากลโกงให้กับสมาชิกรายใหม่แทน แต่ช่วงหลังถูกเจ้าหน้าที่กดดันกวาดล้างอย่างหนักจึงหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว

"ลูกศิษย์ที่ตนเคยสอนวิชาให้มีกว่า 100 คน วิชานี้จึงยังไม่หายสาบสูญไปง่ายๆ และจะคอยเป็นเรื่องราวไม่รู้จบ ตราบใดที่คนยังมีความโลภ แก๊งควายนี้ก็จะปรากฏที่นั่น"นายพังพะกาญจน์ กล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกว่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.