ศาลอาญายกฟ้องเปรมชัยกับเมีย และคนใกล้ชิด คดีครอบครองงาช้าง 2 คู่ ในบ้านซอยศูนย์วิจัย โดยเมียเปรมชัยสู้คดีให้การได้รับมรดกจากแม่เมื่อปี 21 ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญพบ ฐานไม้รองงาช้างตั้งโชว์เป็นของเดิมที่เคยแจ้งไว้กับกรมอุทยานฯ เช่นเดียวกับงาช้างที่ตรวจยึดก็เป็น อันเดิม ไม่ใช่งาช้างที่กล่าวหามีการครอบครองโดยไม่ชอบ ไม่ผิดตามฟ้อง หลังคำพิพากษาทั้ง 3 คน ขึ้นรถกลับโดยปิดปากไม่พูดกับสื่อเหมือนเดิม
ศาลอาญายกฟ้องเปรมชัยกับเมีย ครอบครองงาช้างโดยไม่ชอบ โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ต.ค. ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางคณิตดา กรรณสูต อายุ 65 ปี ภรรยานายเปรมชัย นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 65 ปี ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ น.ส.วันดี สมภูมิ อายุ 71 ปี คนใกล้ชิดภรรยานายเปรมชัย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องกำกับ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยประการใดๆ ซึ่งรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรฯ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19, 47 และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27, 27 ทวิ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 คดีนี้เป็นคดีต่อเนื่องหลังจากนายเปรมชัยถูกจับคดียิงเสือดำ ตามด้วยคดีปืนเถื่อน คดีนี้ได้ประกันตัวไปในวงเงินคนละ 3 แสนบาท โดยวันนี้จำเลยทั้ง 3 คนมาศาล
อัยการฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ.61 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) สืบทราบว่าบ้านเลขที่ 12/3 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ของนายเปรมชัย ลักลอบครอบครอง งาช้างนำเข้าโดยผิดกฎหมาย ได้ขอหมายค้นจากศาลอาญาไปค้นบ้านดังกล่าว โดยบริเวณชั้น 1 และชั้น 2 พบงาช้างป่าแอฟริกา 2 คู่ หรือ 4 กิ่ง เป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นของที่มีผู้บังอาจลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร และมิได้ผ่านช่องทางศุลกากร มิได้เสียภาษีศุลกากรโดยถูกต้อง
...
ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย.58 นางคณิตดา และ น.ส.วันดี ได้ร่วมกันแจ้งต่อนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ กรมอุทยานฯ ว่าได้ครอบครองงาช้าง (งช.1) ทั้ง 4 กิ่ง ถูกต้องตามกฎหมาย พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558 โดยจำเลยที่ 1 ได้รับมาทางมรดก
ศาลพิเคราะห์ว่า ข้อเท็จจริงฟังว่าการที่จำเลยที่ 1 แจ้งว่าเป็นงาช้างไทย ได้รับทางมรดกมาจากมารดา ปี 2521 และนายเปรมชัยรับมาอีกทีปี 2530 จำเลยแจ้งนางวันดี ผู้ดูแลว่าเป็นงาช้างไทย แต่เมื่อภายหลังมีผู้ไปจดว่า การจดแจ้งเป็นงาช้างแอฟริกาและขึ้นทะเบียนไว้ นางวันดีเป็นผู้รับรอง แต่ข้อเท็จจริงฟังว่า พยานผู้เชี่ยวชาญพบว่าฐานไม้รองงาช้างตั้งโชว์เป็นของเดิมที่เคยแจ้งไว้ ทั้งนี้ งาช้างที่ตรวจยึดเป็นของกลางคดีนี้ก็เป็นงาช้างเดิมอันเดิม ที่เคยแจ้งไว้แล้ว ไม่ใช่งาช้างที่กล่าวหาว่า มีการครอบครองไม่ชอบ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ที่ให้ริบงาช้างของกลางจึงให้ยก หลังจากฟังคำพิพากษาแล้วนายเปรมชัยและภรรยารีบเดินขึ้นรถกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์เหมือนกับทุกครั้ง
วันเดียวกัน นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีศาลชั้นต้นยกฟ้องนายเปรมชัยในคดีครอบครองงาช้าง ว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือกรณีครอบครองอาวุธปืน และงาช้าง ในส่วนเรื่องอาวุธไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองงาช้าง นิติกรของกรมอุทยานฯ จะขอดูคำพิพากษาทั้งหมด ก่อนนำมาพิจารณาเพื่อตัดสินใจในการอุทธรณ์ภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมอุทยานฯยังไม่ทราบรายละเอียดคำตัดสินต้องดูในรายละเอียดก่อน