เรื่องราวชีวิต “สาวพริตตี้” ไม่ใช่ “อาชีพเลวร้าย” แต่ด้วยความจำเป็นที่มีเรื่องค่าใช้จ่าย จุนเจือครอบครัว บางคนคือเสาหลักของบ้านด้วยซ้ำ ทำให้ต้องออกมาหาเงิน ในอาชีพมีลักษณะใช้ “รูปร่างหน้าตาและความสวย” ทำงานแลกกับรายได้ “มีรูปเป็นทรัพย์” กลายเป็นถูกมองใน “เชิงลบ”...

ยุคนี้...“พริตตี้” ไม่ใช่หาเงินได้ง่ายอีกต่อไป เพราะอาชีพนี้สวยอย่างเดียวไม่พอ ต้องฉลาด มีทักษะ ไหวพริบ ที่เป็นนักการตลาด ดึงลูกค้าให้มาสนใจสินค้าด้วย อีกทั้งต้องปั้นหน้าทนยืนอยู่บนส้นสูง ส้นแหลม หลายชั่วโมง มีความปวดทรมาน แทบน้ำตาจะไหล แต่ต้องอดทน ยืนหน้ายิ้ม... ทำเป็นปากหวานต่อไป

ชีวิตของสาวพริตตี้ถูกสะท้อนออกมาจาก อาย-ไอลดา โคธา สาวพริตตี้ฟรีแลนซ์ และโมเดลลิ่ง เล่าว่า คนที่ต้องการเข้าสู่วงการพริตตี้ มักมีแรงจูงใจ คือ “ตัวเงิน” เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพอิสระ ใช้เวลายืนโชว์ไม่กี่ชั่วโมง ก็สามารถทำเงินได้มากมาย โดยเฉพาะ “พริตตี้ตัวแม่” หรือ “ตัวท็อปในวงการพริตตี้” ที่บางคนทำรายได้มากถึงหลักแสนถึงหลักล้านบาทต่อเดือน

ย้อนอดีต...“อาชีพพริตตี้” มีแค่การสร้างสีสันเต้นโชว์ หรือชักชวนลูกค้าให้สนใจผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึง “เอ็มซี” ทำหน้าที่เป็นพิธีกร หรือพรีเซนต์สินค้าบนเวที ในงานอีเวนต์ต่างๆ เน้นคนมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ที่สามารถสร้างภาพลักษณ์ให้สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ดูดี และดึงดูดคนให้เข้ามาสนใจ

ความจริงแล้ว...“พริตตี้” ไม่ใช่ “อาชีพสบาย” ไม่สามารถหาเงินง่ายอย่างที่หลายคนพูดกัน เพราะต้องตื่นแต่เช้ามาทาหน้าทาปาก ลักษณะแต่งตัวก็น้อยชิ้น ให้ออกมายืนยิ้มโพสท่าโชว์ บนรองเท้าส้นสูงทีละหลายชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกสนาน และยังทนถูกจ้องมองเรือนร่าง...ทนความรู้สึกโดนลวนลามทางสายตาตลอด

...

ทว่า...หน้าที่พริตตี้แล้ว คือ การแนะนำเชียร์ขายสินค้าให้เกิดความน่าสนใจ คนที่ต้องรับหน้าที่ต้องมีการบ้านทำความเข้าใจทั้งวันทั้งคืน ในการถ่ายทอดนำเสนอตัวสินค้า และสามารถตอบคำถามลูกค้าได้ทุกข้อสงสัย ที่ไม่ใช่เข้าใจแบบผิวเผิน เพราะการแข่งขันในอาชีพนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ เราก็ต้องสปีดพัฒนาตัวเองตลอดเวลาด้วยเช่นกัน

กลายว่าพริตตี้จะสวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีความสามารถหลายด้าน ทั้งสมอง ไหวพริบ อีกทั้งรูปร่างบุคลิกดีเหมาะสมกับงาน กล้าพูดกล้าแสดงออก สามารถคุมสถานเหตุการณ์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ รวมถึงต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดี มีความเป็นนักการตลาด หรือทักษะการสื่อสารทำให้เกิดแรงชักจูง

สิ่งสำคัญ...เรื่องความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา และมีความอดทนสูง หากเสียครั้งเดียวอาจไม่มีงานตลอดทั้งปี ส่วนคุณสมบัติรองลงมา...เรื่องหน้าตา ทรวดทรง บุคลิก ผิวพรรณ ต้องดีพอประมาณ

นี่อาจเป็นความเปลี่ยนแปลงต่างจากอดีต...ที่เน้นความสวยของพริตตี้มากกว่าความสามารถเหมือนยุคนี้ก็ได้...

ยอมรับว่า...“ความสวย...หรือหน้าอกใหญ่” ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการที่ลูกค้าพิจารณาจ้างงานมากขึ้นเหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะทุกวันนี้ความสวยนี้สามารถสร้างเสริม...เติมแต่ง ด้วยการศัลยกรรมกันได้ ทั้งเสริมจมูก เสริมคาง ศัลยกรรมหน้า หรือเสริมหน้าอกให้ใหญ่ได้ทุกขนาด และมีราคาถูกลงมากด้วยซ้ำ

เพราะ “การจ้างงานลูกค้า” มีความแตกต่างไม่เหมือนกันเสมอไป ส่วนใหญ่คัดเลือกพริตตี้ตามความคำนึงถึงแบรนด์...และสแกนค้นหาบุคคลที่มีบุคลิก รูปร่าง หน้าตา ให้เหมาะสมตรงกับสินค้า จึงติดต่อแบบผ่านเครือข่ายโมเดลลิ่ง หรือบริษัทนายหน้าจัดหาพริตตี้เฉพาะ...

เมื่อลูกค้าสนใจก็ต้องไปแสดงความสามารถต่อหน้าลูกค้าอีก ซึ่งจะมีการให้โจทย์ให้นำเสนอสินค้า มีการจำลองเหตุการณ์ให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าหลายอย่าง มีความยากมากกว่าจะได้งานแต่ละชิ้น เช่น “พริตตี้มอเตอร์โชว์” ออกงานยืนโชว์ ในบูธรถยนต์ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านคัดเลือกบุคลิกหน้าตา ความสามารถซ้ำแล้วซ้ำอีก

ส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิงมีความสูง 165 ซม.ขึ้นไป หน้าอก 34 ขึ้นไป และต้องมีประสบการณ์ความรอบรู้หลายเรื่องของแบรนด์รถยนต์นั้น

การเข้าวงการพริตตี้...ไม่ใช่เรื่องยาก...แต่ทำอย่างไรให้ “สวยอย่างฉลาด” สามารถตอบโจทย์ หรือเกิดความพึงพอใจต่อลูกค้า ให้จ้างงานเรื่องนี้ยากที่สุด เพราะเมื่อได้งานแรกแล้วย่อมมีงานที่สอง...ที่สามตามมาเอง ส่วนค่าตัวมีตั้งแต่ 2,500-10,000 บาทต่อวัน ที่ขึ้นอยู่กับชื่อเสียง ประสบการณ์ ความสามารถด้วย

ปัจจุบันนี้...มีพริตตี้เกิดขึ้นมาใหม่ ลักษณะรูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลง มีการแตกขยายออกหลากหลายสาขามากมาย ที่เน้นสร้างความบันเทิงแลกกับเงิน หรือ “รับงานเอนเตอร์เทน” ตามสถานบันเทิง มีทั้งแบบเปิดเผย และไม่เปิดเผย ในการสร้างความสนุกสนานให้กับลูกค้า

ทำให้พริตตี้มีช่องทางรับงานเพิ่มขึ้น บางคนกลางวันรับงานอีเวนต์ และกลางคืนรับงานเอนเตอร์เทนด้วยซ้ำ แต่ส่วนใหญ่มักเลือกงานลักษณะสถานที่แบบเปิด เช่น ร้านอาหาร เลี้ยงโรงแรม เพราะปลอดภัยมากกว่า...“ปาร์ตี้แบบปิด” จัดตามคอนโดมิเนียม บ้านพักแบบลับๆ

เรื่องนี้พริตตี้สายเอนเตอร์เทนรู้กัน...และไม่มีใครรับทำงานแบบนี้ เพราะรู้ดีว่า...ไม่ปลอดภัย “เสี่ยงต่อถูกปู้ยี่ปู้ยำ” หรือหนักสุดคือ “เสียตัว” ยกเว้นพริตตี้แฝงขายบริการ

...

ในการทำงานสายเอนเตอร์เทน มักระวังตัวมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว ทุกครั้งทำงานต้องมีสติ...มีเทคนิคเรื่องเอาตัวรอด หากรู้ว่า...เมาควรหยุดดื่ม เปลี่ยนดื่มน้ำเปล่าแทน หรือกินเหล้าตาม “ดื่มโค้ก” บ้วนเหล้าออกระหว่างดื่ม หากปล่อยอารมณ์ตามสถานการณ์ มีโอกาสควบคุมตัวไม่ได้ ซึ่งแต่ละคนมีวิธีเทคนิคป้องกันตัวไม่เหมือนกัน...

แม้แต่ลูกค้ายื่นแก้วให้ดื่ม ก็ต้องชงเหล้าผสมใหม่...ถ้าเดินจากโต๊ะ หรือเข้าห้องน้ำ จะไม่ดื่มแก้วเดิม ต้องเปลี่ยนใหม่เสมอ เพื่อป้องกันตัว ในงานนี้ทำตั้งแต่ 2 ทุ่มถึงตี 2 สามารถหารายได้ 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง

อีกทั้งยัง “เอนเตอร์เทน” รูปแบบ “จ้างเที่ยว กินข้าว ดูหนัง” แม้แต่จ้างให้ไปเป็น “แฟน” เพื่อหลอกคนอื่นว่า เราคือแฟนกับผู้ชาย บางคน ต้องการจะอวดเพื่อน อวดคนอื่น หรือมีสาวสวยเป็นแฟนหรือเป็นคู่เดต

สิ่งที่อยากให้ทำความเข้าใจว่า...พริตตี้ตามร้านเหล้า...ถูกจ้างมาสร้างความสนุกให้ลูกค้าเป็นการเฉพาะ ต้องแยกออกจาก “พีอาร์ร้านเหล้า” หรือ “นั่งดริงก์” หรือ “เด็กดริงก์” คอยดูแลลูกค้าตามบาร์ ถือว่าเด็กประจำร้าน มีรายได้ตายตัว ถ้าไม่มาทำงานทางร้านก็หักเงินรายได้ไป ทำหน้าที่บริการคอยชงเหล้า เสิร์ฟ นั่งพูดคุย เทกแคร์ เอาใจลูกค้าอาจมีถึงเนื้อถึงตัวบ้าง...

นับตั้งแต่เกิดเหตุ พริตตี้ลัลลาเบลเสียชีวิต คนทำงานพริตตี้สายเอนเตอร์เทน มีความระวังตัวมากขึ้น บางคนหยุดรับงานชั่วคราว เพราะเกิดความกลัว และไม่กล้ารับงานเอนเตอร์เทนแบบปิดกัน

...

ในสายตาสังคมมอง “สาวพริตตี้” คือ เป็นผู้หญิงมีเอกลักษณ์สื่อถึงความ “เซ็กซี่” ขายหน้าตาดี สวยขาว น่ารัก หุ่นดี หน้าอกใหญ่ ทำให้ตัวตนของ “พริตตี้” ถูกตีตราใช้กันทุกวงการ มีทั้งดีและไม่ดี แต่ภาพลักษณ์จะถูกมองในเชิงลบมากกว่า ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดมากมายหลายเรื่องราว

หากสังคมมองเช่นนั้นก็ไม่แปลก...อาชีพพริตตี้ที่ต้องแต่งชุดเซ็กซี่ นุ่งน้อยห่มน้อย แต่อยากให้มองเรื่องดีด้วย...ที่ได้เงินมาทุกบาททุกสตางค์ มาจากหยาดเหงื่อแรงงาน สิ่งสำคัญ คือ งานบริสุทธิ์ ที่ใช้สมอง และความสามารถมากกว่าอย่างอื่น

ที่ผ่านมามีรุ่นพี่หลายคนประสบความสำเร็จด้านนี้ สามารถมีเงินลงทุนธุรกิจอื่น และผันตัวออกจากวงการไปประกอบอาชีพของตัวเอง เพราะอาชีพพริตตี้ คือ การขายรูปร่าง หน้าตา หากเกินกว่า 30 ปี ก็คงไม่มีใครจ้างงานแล้ว ยกเว้นบางคนดูแลร่างกายดี มีการอัปเดตให้สวยอยู่ตลอด อาจยังเดินบนเส้นทางนี้ได้ แต่ก็ไม่มั่นคงเช่นเดิม

นี่คือชีวิตของผู้หญิงสวยที่ได้ชื่อว่า “พริตตี้” มีรูปเป็นทรัพย์ประกอบกับมีความรู้ ความสามารถ ถูกใช้ควบคู่กัน กลายเป็นบันไดก้าวสู่ความสำเร็จสูงสุดในชีวิต...