สะท้อนอีกแง่มุมคิดเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมชีวิตพนักงานสอบสวน

พ.ต.ท.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย รอง ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน บก.ปส.2 ได้หยิบยกงานเขียนกึ่งอัตชีวประวัติ เรื่อง “สูญสิ้นความเป็นคน” ของ ดะไซ โอซามุ แปลโดย พรพิรุณ กิจสมเจ กล่าวถึงความสิ้นหวังหดหู่ในชีวิต

ต่อมาผู้ประพันธ์ยังได้กระทำอัตวินิบาตกรรมภายหลังเขียนเล่มนี้จบ

ไม่ต่างนิยาย “ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย” ของ ฮารูกิ มูราคามิ กล่าวถึงการฆ่าตัวตายของตัวละครที่เกิดจากความสิ้นหวังในรัก

นายตำรวจหนุ่มนักอ่านมองว่า การอัตวินิบาตกรรมในสังคมญี่ปุ่นเป็นค่านิยมเชื่อมโยงแนวคิดการทำ “ฮาราคีรี” สมัยโบราณเป็นการจบชีวิตที่มีเกียรติสูงสุดด้วยการคว้านท้อง

ถึงกระนั้นมีการศึกษาปัจจัยที่ทำให้เกิดความคิดฆ่าตัวตายในแดนปลาดิบ พบมาจากความเครียด ความผิดว่าจากที่ทำงาน ความเจ็บป่วย ปัญหาครอบครัว และปัญหาเศรษฐกิจ

ส่วนสังคมไทยการฆ่าตัวตายไม่ได้รับการยอมรับ เพราะถือเป็น บาปร้ายแรง

รองผู้กำกับมือสอบสวนอยากสะท้อนให้เห็นว่า เพียงแค่ระยะเวลา 4 เดือน เกิดปรากฏการณ์ตำรวจสายงานสอบสวนยิงตัวตายแล้ว 4 คน ตั้งแต่ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.มาบอำมฤต จ.ชุมพร ร.ต.อ.สุรศักดิ์ สุวรรณศักดิ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ร.ต.อ.ทรงศักดิ์ ใจฉกรรจ์ รอง สวป.สภ.เมืองสิงห์บุรี และ ร.ต.อ.สุพจน์ สุขเกษม รอง สว. (สอบสวน) สภ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร

แม้อาจจะไม่ได้รับความสนใจมากนัก หากแต่เป็น เสียงสะท้อนของความจริง ไม่ต่างวรรณกรรมในการเรียกร้องถามหาความยุติธรรม “แบบไร้ราคา” จากผู้บังคับบัญชาบางคน

...

สุดท้ายนายตำรวจหนุ่มที่เคยรู้สึกผิดหวังในการแต่งตั้งโยกย้ายขออนุญาตนำเอาหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาเตือนสติเพื่อนร่วมอาชีพ

“ผู้ที่คิดสั้นจะยุติปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายจะยังเป็นการสร้างทุกข์ สร้างปัญหาให้กับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่”

คิดถึงคนข้างหลังเข้าไว้ ใครไม่ช่วยเราก็ให้คิดถึงครอบครัวเรา.

"สหบาท"