โต้ใครจะทิ้งที่ใกล้ตัว เตรียมพร้อมลุยสู้คดี ดีเอสไอโวมี‘วงจรปิด’ คนกะเหรี่ยงจี้ลากคอ

“ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” โต้ข่าว ไม่เกี่ยวการเสียชีวิตของ “บิลลี่” ยืนยันพร้อมสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมถึงที่สุด บ่นน้อยใจคนจ้องเอาผิด ติงวิธีตรวจพิสูจน์แบบไมโทคอนเดรียที่ดีเอสไอใช้วงเลือดมาพิสูจน์อย่างเดียว ไม่น่าจะพอสรุปออกมาแบบนี้ “วราวุธ” ยันไม่ช่วยบุคลากรกระทรวงทรัพย์ อาจใช้มาตรการปกครองย้ายออกจากพื้นที่ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีความผิด ตัวแทนกะเหรี่ยงมอบช่อดอกไม้ขอบคุณดีเอสไอ จี้เอาตัวคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้ พร้อมเรียกร้องเยียวยาครอบครัวบิลลี่ที่มีลูกถึง 5 คน ชุดสืบสวนดีเอสไอลงพื้นที่แก่งกระจานสอบพยานและหาหลักฐานเพิ่มเติม โวมีหลักฐานภาพถ่าย และภาพวงจรปิดในมือ รอผลการตรวจแบบไมโทคอนเดรียญาติฝ่ายแม่เพิ่มเติม เรียบร้อยเมื่อไหร่เรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำทันที

กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวความคืบหน้าการสืบสวนคลี่คลายคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกลุ่มกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ที่หายตัวไปอย่าง เป็นปริศนา หลังจากถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแก่งกระจานขณะนั้นจับกุมขณะนำน้ำผึ้งป่าออกจากพื้นที่อุทยานฯ ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.2557 หลังจากนั้นไม่มีใครพบนายบิลลี่อีกเลย หลังญาติเข้าร้องเรียนหลายหน่วยงานจนมาถึงมือดีเอสไอเข้าสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีหาพยานหลักฐานอยู่นานจนพบหลักฐานสำคัญ ชิ้นส่วนกระดูกถูกเผาทิ้งอำพรางคดีอยู่ก้นเขื่อนแก่งกระจาน จุดที่พบกระดูกยังมีถังน้ำมัน 200 ลิตร และหลักฐานอีกหลายอย่าง นำกระดูกมาตรวจสารพันธุกรรมพบว่า ตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดานายบิลลี่ ประกาศว่านายบิลลี่ เสียชีวิตแล้ว ต่อไปเป็นขั้นตอนการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...

ความคืบหน้าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.ย. นายสมชาติ รักษ์สองพลู อายุ 50 ปี และนายเกรียงไกร ชีช่วง อายุ 41 ปี ตัวแทนเครือข่ายกะเหรี่ยงและชาวเลในประเทศไทย สมาชิกคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) พร้อมสมาชิกประมาณ 20 คน เข้ามอบดอกไม้พร้อมยื่นหนังสือขอขอบคุณ และขอให้เร่งรัดสืบสวนคดีหาผู้กระทำผิดกรณีการเสียชีวิตของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ ต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ โดยมี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ มารับหนังสือและช่อดอกไม้แทน นายสมชาติกล่าวว่า เครือข่ายกะเหรี่ยงและชาวเลในประเทศไทยติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ทุ่มเททำงานด้วยความมานะอุตสาหะจนพิสูจน์ยืนยันวัตถุพยานหลักฐานสำคัญระบุได้ว่า บิลลี่เสียชีวิตแล้ว อันนำไปสู่การเร่งรัดดำเนินคดี และการคืนความเป็นธรรมให้แก่ครอบครัวและชุมชน

ส่วนนายเกรียงไกร ชีช่วง กรรมการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงและชาวเล กล่าวว่า การคลี่คลายคดีของดีเอสไอทำให้ครอบครัวของบิลลี่รู้กระจ่างชัดแล้วว่า บิลลี่เสียชีวิตแล้ว บิลลี่เป็นคนดี มีความรู้เป็นตัวแทนเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนมาตลอด คณะกรรมการจะทำตามเจตนารมณ์ของบิลลี่ต่อไป และทำให้ภาครัฐเห็นว่า ชนชาวพื้นเมืองมีวัฒนธรรมและอยู่กับธรรมชาติได้ 5 ปีที่ผ่านมา ญาติของบิลลี่และเครือข่ายชาวกะเหรี่ยงก็ได้รู้ความจริงเสียที ขอขอบคุณที่กรมสอบสวนคดีพิเศษติดตามจนทราบว่า บิลลี่ถูกอุ้มฆ่า จึงมายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องใน 4 ประเด็นคือ 1.ให้ดีเอสไอเร่งรัดสืบสวน ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ 2.ช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นให้ครอบครัวบิลลี่อย่างเป็นธรรม 3.ช่วยผลักดันให้รัฐบาลพิจารณาเร่งรัดเข้าเป็นภาคีและให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ รัฐบาลไทยยังไม่ได้เข้าเป็นภาคีจึงไม่มีสภาพบังคับ เพื่อให้ประเทศไทยมีมาตรการตามหลักสากลของสหประชาชาติ ว่าด้วยการปกป้องคุ้มครองความ ปลอดภัยนักปกป้องสิทธิมนุษยชน 4.ช่วยผลักดัน ให้รัฐบาลไทยเร่งออกกฎหมายใหม่หรือแก้ไขกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจทางกฎหมายโดยมิชอบ

“ผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ฝากบอกไปยังผู้ก่อเหตุ ให้ออกมายืดอกรับความจริงและรับสารภาพ แม้จะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม พร้อมกับอยากให้สังคมเข้าใจและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา คนอยู่กับป่าเพราะเป็นวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่ได้เป็นผู้บุกรุกป่า ตามที่เจ้าหน้าที่พยายามใส่ร้าย” นายเกรียงไกรกล่าว

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ที่ผ่านมา 5 ปี ตนกับผู้เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนมาตลอดจนพบชิ้นกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้าย เป็นชิ้นส่วนกระดูกสำคัญที่แพทย์ระบุ ถ้าพบชิ้นส่วนกระดูกส่วนนี้ แสดงว่าบุคคลผู้นั้นเสียชีวิตแล้ว ดีเอสไอจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเร่งรัดติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด การทำงานขณะนี้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สอบสวนญาติและบุคคลใกล้ชิดผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม วันนี้ชุดสอบสวนนำโดย พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาคและทีมงาน ลงพื้นที่บ้านโป่งลึก-บางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อสอบพยานที่เป็นชาวบ้านและกลุ่มญาติของบิลลี่ หลังจากพบหลักฐานว่าถูกฆ่าเผายัดถังในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

ต่อมา พ.ต.ท.กรวัชร์เผยอีกว่า ดีเอสไอกำลังพยายามสืบสวนหาตัวคนผิดมาลงโทษ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม สั่งการให้เร่งดำเนินการ ระหว่างนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ในพื้นที่เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม และสอบปากคำพยานญาติทางมารดานายบิลลี่เพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางพันธุกรรม คาดว่าใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เมื่อพยานหลักฐานทุกอย่างเพียงพอจะเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ ขอยืนยันว่าพยานหลักฐานที่ดีเอสไอมีอยู่ ทั้งภาพถ่าย กล้องวงจรปิดและอื่นๆที่เก็บรักษาไว้ไม่มีใครตัดตอนได้อย่างเด็ดขาด แม้ผ่านมา 5 ปีแต่พนักงานสอบสวนดีเอสไอไม่เคยละความพยายาม ขอให้มั่นใจว่าทำคดีอย่างตรงไปตรงมา การหาความสัมพันธ์ทางสายโลหิตด้วยวิธีตรวจไมโทคอนเดรียดีเอ็นเอ แพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า เป็นสายพันธุ์ที่มาจากมารดา ส่วนจะตรวจหาสารพันธุกรรมจากญาติพี่น้องฝั่งมารดาบิลลี่ทั้งหมดหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ไม่ทราบว่าตรวจครบทั้งหมดหรือยัง แต่ข้อมูลจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นผลการตรวจเบื้องต้น

...

ที่ จ.อุบลราชธานี นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) 9 อุบลราชธานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้ ทุกคนคิดเอาเองแบบพื้นๆเลยว่า หากตนกระทำผิดร้ายแรงแบบนั้นจริง การเอาศพไปทิ้งไว้ในพื้นที่แบบนั้น เป็นที่ที่อยู่ใกล้ตัว แล้วใครจะกล้าทำ ต่อให้ยิ่งใหญ่จากไหนก็ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้ รู้สึกน้อยใจ โดยเฉพาะน้อยใจแทนลูกน้องที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร ต้องมาพลอยรับผลกับสิ่งที่ไม่รู้เรื่องด้วย

“ลำพังตัวผมไม่เท่าไหร่ เพราะมีคนจ้องผมด้วยเรื่องนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาผมพิสูจน์มาแล้วว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เรื่องหนึ่งที่ขอตั้งข้อสังเกตคือ บริเวณสะพานที่ดีเอสไออ้างว่าเจอกระดูกนั้น เป็นบริเวณที่ชาวกะเหรี่ยงบางกลอยเอากระดูกของ คนตายมาลอยอังคารกันอยู่แล้ว การตรวจโดยวิธีไมโทคอนเดรียใช้วงเลือดมาพิสูจน์อย่างเดียวว่า กระดูกชิ้นนั้นเป็นของบิลลี่ ผมว่ามันไม่น่าจะพอและสรุปออกมาแบบนี้ หลังจากนี้คงต้องเตรียมตัวต่อสู้ทางกฎหมาย คงทำอะไรและพูดอะไรได้ไม่มากกว่านี้แล้ว ตอนนี้ไม่ได้ไปไหน ยังทำงานตามปกติ มาช่วยชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี” นายชัยวัฒน์กล่าว

ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยาน แห่งชาติ กล่าวว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ทำรายงานข้อเท็จจริงต่อผู้บังคับบัญชา ในรายงานเป็นข้อมูลการแถลงของกรมสอบสวนคดีพิเศษคดีนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่ยื่นคำร้องต่อศาลว่า นายชัยวัฒน์เคยควบคุมตัวบิลลี่ในปี 2557 ศาลชั้นต้นไต่สวนมีคำสั่งยกคำร้อง ในรายงานที่นายชัยวัฒน์ส่งมาไม่มีอะไร เป็นข้อมูลเดิมๆ ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ได้พาดพิงถึงเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ดังนั้น ตามกฎหมายถือว่าเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่ได้เป็นแม้แต่ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหา แต่ตราบใดที่ดีเอสไอสอบสวนแล้วพบว่าเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯมีส่วนเกี่ยวข้องต้องว่าไปตามขั้นตอนกฎหมาย ตนไม่ได้เข้าข้างใครและเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้น ต้อง รอให้ดีเอสไอหาพยานหลักฐานการตายของนายบิลลี่อย่างชัดเจนก่อน กรมอุทยานฯพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่

...

ที่รัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์ช่วงนั้นคาบเกี่ยวกับช่วงการเกิดรัฐประหาร ช่วงเช้าวันที่ 4 ก.ย. หารือร่วมกับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่า ในระยะเวลาที่เกิดเหตุ มีบุคลากรคนใดบ้างที่เกี่ยวข้อง อาจขอให้ย้ายออกจากพื้นที่ เพื่อให้เกิดความสบายใจต่อทุกฝ่าย แต่ไม่ได้แปลว่าเป็นการลงโทษ หรือพวกเขาเหล่านี้เป็นบุคคลที่ทำผิด แต่เพื่อให้ชาวบ้านหรือประชาชนในพื้นที่เกิดความสบายใจ จากนี้ต้องรออธิบดีกรมอุทยานฯรายงานมาว่าผลการดำเนินการเป็นอย่างไร หากดีเอสไอประสานงานขอความช่วยเหลือมากระทรวงเรายินดี และขอยืนยันว่า สิ่งไหนที่ผิดก็ผิด สิ่งที่ถูกต้องว่าไปตามตัวบทกฎหมาย หากมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง ตนยืนยันว่าจะไม่อุ้มช่วยแน่นอน

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของเครือข่ายกะเหรี่ยงและชาวเลในประเทศไทย ออกแถลงการณ์กรณีการเสียชีวิตของบิลลี่ให้รัฐบาลต้องเร่งหาฆาตกรและผู้อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมมาลงโทษสร้างความเป็นธรรม คุ้มครองความปลอดภัย และเยียวยาครอบครัวของบิลลี่ว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำผิดรวมถึงผู้มีส่วนทั้งหมดมาดำเนินคดีโดยเร่งด่วน รวมถึงดำเนินคดีผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องกรณีการวางเพลิงเผาทรัพย์ชุมชนบ้านใจแผ่นดิน-บางกลอยบนกว่า 100 หลัง รวมทั้งบ้านปู่คออี้ที่ไม่มีความคืบหน้า และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 2 มิ.ย.2553 และวันที่ 3 ส.ค.2553 คุ้มครองวิถีชีวิตชาวเลและกะเหรี่ยงอย่างเป็นรูปธรรม ตามคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด กรณีสิทธิชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมบ้านใจแผ่นดิน-บางกลอยบน ที่นายบิลลี่เป็นผู้ประสานงานการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่จนชนะ เครือข่ายฯจะติดตามความคืบหน้ากรณีนายบิลลี่ให้เยียวยาครอบครัวและออกกฎหมายคุ้มครองนักปกป้องสิทธิให้เกิดขึ้นโดยเร็วต่อไป

...

ที่ จ.เพชรบุรี น.ส.พิณนภา หรือมุนอ พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่เผยว่า อย่างน้อยได้รู้แล้วว่าขณะนี้บิลลี่ยังอยู่หรือเสียชีวิตแล้ว อยากถามคนกระทำว่าบิลลี่ไปทำอะไรให้ถึงทำอย่างนั้น อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกลุ่มบุคคลดังกล่าวมาชี้แจงว่าทำไปเพราะอะไร ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายรวมทั้งดีเอสไอที่ตามสืบค้นจนรู้ความจริงว่าบิลลี่ไปอยู่ที่ไหน วันนี้ตนและครอบครัวต้องลำบากหลังจากบิลลี่หายตัวไป เพราะต้องดูลูก 5 คน สมาชิกในครอบครัวอยากให้นำตัวกลุ่มบุคคลที่ทำต่อบิลลี่มาลงโทษตามกฎหมาย ทุกวันนี้ลูกทุกคนคอยติดตามข่าวว่าพ่อหายไปไหนและอยู่อย่างไร ตนต้องคอยอธิบายให้ลูกๆเข้าใจ