ข่าว พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการ อย. เข้าตรวจค้นเป้าหมาย ในพื้นที่ 8 จังหวัด
ตามยุทธการสยบไพรี 62/9 “สาวสวย สังหาร” จับกุม น.ส.จารุวรรณ หรือทิพ แย้มศรี อายุ 33 ปี น.ส.ขนิษฐ์สีนี เจนกิจกุลเกษม อายุ 30 ปี นายอดิศร ส่งเสริมธนะ อายุ 30 ปี และ น.ส.พัชรา ชิราวัฒน์อายุ 38 ปี ยึดทรัพย์สินเป็นบ้าน 4 หลัง รถยนต์ 3 คัน รวมทั้งสิ้น 20,700,000บาท
เป็นเครือข่ายยาลดความอ้วน
ต่อเนื่องการปฏิบัติการ “ยาสวยสังหาร 1” ช่วงต้นเดือน มี.ค.พนักงานสอบสวน บช.ปส.ขออนุมัติออกหมายจับผู้กระทำผิด 7 ราย เข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายใน 8 จังหวัด 17 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย
น.ส.จารุวรรณ เป็นลูกน้องของ น.ส.วิไรรัตร อุตทอง นายทุนเครือข่ายยาลอตแรก ที่คอยทำหน้าที่จัดหาแพทย์ พร้อมทำเอกสารเวชระเบียน ผู้ป่วย และนำเงินจ่ายให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง หนึ่งในผู้ต้องหามีนายอดิศร เจ้าของคลินิกอดิศรเวชกรรมที่ลักลอบเบิกจ่ายยาอันตรายอยู่ที่ จ.พิษณุโลก ก่อนย้ายที่ทำการและถูกจับได้ที่ จ.ชลบุรี
รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ได้จากการตรวจตาม พ.ร.บ.มาตรการฯทั้ง 2 ครั้ง 57,557,500 บาท
พฤติกรรมของขบวนการนี้มีกลุ่มนายทุนใหญ่ไปว่าจ้างแพทย์ที่เพิ่งจบใหม่ หรือที่เปิดคลินิกเสริมความงามตามต่างจังหวัดให้สั่งยาลดความอ้วนจาก อย. แต่จะทำเอกสารเท็จว่าจะนำมาใช้ในคลินิกของตัวเองที่เปิดอยู่ และเมื่อได้ยามาแล้วจะส่งให้กับแพทย์ที่สั่งการและส่งให้นายทุนนำไปขายต่อตามในช่องทางออนไลน์
ราคาขายขึ้นเป็น 2–3 เท่าตัว
ผู้ต้องหาที่ถูกจับทั้ง 4 คน แบ่งเป็นนายทุน 3 ราย และแพทย์อีก 1 ราย หลบหนีจับกุมอีก 3 ราย
สำหรับตัวยานี้ทาง อย.เป็นผู้ผูกขาดที่ได้รับการอนุญาตให้จำหน่ายเพียงผู้เดียว ก่อนหน้าพบว่ากลุ่มเครือข่ายยาจะลักลอบนำชื่อของคนตายมาใช้เบิกจ่ายยา
อย.ส่งรายชื่อแพทย์ผู้กระทำผิดให้แพทยสภาพิจารณาเพิกถอนหรือพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สั่งระงับคลินิกที่เป็นเครือข่ายหยุดจำหน่ายยา และปรับระบบให้ผู้เบิกยานำบัตรประชาชนมายืนยันตัวตน
ตัวยาที่พบชื่อ ดูโรมีน และ แพนบิซี ซึ่งกำลังมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น และตัวยาชนิดใหม่ ลอคาเซริน ซึ่งภายในเดือน ส.ค.จะนำเสนอคณะกรรมการวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 ให้ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ผู้ลักลอบนำมาจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องโทษปรับสูงสุด 2 ล้านบาท
และโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th