ชุดสืบสวนนครบาลพบภาพ 4 คนร้ายก่อเหตุระเบิด 4 จุด เดินทางถึงขนส่งหมอชิตใหม่ช่วงเช้า หลังวางระเบิดเสร็จขึ้นรถกลับในช่วงเย็นเวลาเดียวกับผู้ต้องหา 2 คนที่ถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข หัวหน้าชุดสืบสวน ประสาน ผบช.ภ.9 ส่งทีมสืบสวนตามความเคลื่อนไหวกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัยที่เดินทางกลับเข้าพื้นที่แล้วกว่า 10 คน โฆษก ตร. เผย ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ทั้ง 2 คนให้การเป็นประโยชน์ สามารถขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการได้ “ผบช.น.” เรียกประชุมพนักงานสอบสวน สั่งเร่งสอบพยานระบุรูปพรรณสัณฐานคนร้ายอย่างละเอียด พร้อมพาพยานไปสเกตช์ภาพเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้งหมดให้ได้ภายใน 7 วัน

กรณีระเบิดป่วนเมืองหลายจุด เริ่มตั้งแต่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร้านขายเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ และหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 4 คน หน่วยอีโอดีระบุระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลา ระยะทำการประมาณ 10-15 เมตร เบื้องต้นชุดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา 2 คนได้ขณะนั่งรถทัวร์มุ่งหน้า จ.สงขลา แต่ถูกตำรวจดักจับได้ก่อนในพื้นที่ จ.ชุมพร ระบุผู้ต้องสงสัย 2 คนเป็นคนเอาระเบิดไปวางที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย นายลูไอ แซแง อายุ 23 ปี และนายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี มีบัตรประชาชนไทยเป็นชาว จ.นราธิวาส ทั้งคู่ แต่ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4 ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่เป็นคน 2 สัญชาติ ขณะนี้ถูกคุมตัวกลับไปสอบสวนยัง บช.ภ.9 เพื่อขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการป่วนกรุงครั้งนี้ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...

พบภาพผู้ต้องสงสัยเผาประตูน้ำ

ความคืบหน้าจาก บก.สส.บช.น. เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ส.ค. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. เป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าคดีระเบิดป่วนกรุง ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.บช.น. กก.สส.บก.น.1 กก.สส.บก.น.2 กก.สส.บก.น.6 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลังเสร็จสิ้นการประชุมเจ้าหน้าที่ต่างแยกย้ายกันไปทำงานโดยไม่มีใครให้ข้อมูล ระบุเพียงว่า ให้รอข้อมูลจาก สตช.เท่านั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่บริเวณทางเข้าศูนย์การค้าอินทรา (ซอยวังทอง) ด้านถนนราชปรารภฝั่งโรงแรมอินทรา สามารถจับภาพผู้ต้องสงสัย เป็นชายลักษณะการแต่งกายด้วยกางเกงขา 3 ส่วนสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าเป้สีน้ำเงิน สวมหมวกสีน้ำตาล ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัย การแต่งกายใกล้เคียงกับผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุที่สยามสแควร์วัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างหาความเชื่อมโยงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุเพลิงไหม้ร้านค้าในย่านประตูน้ำทั้ง 4 จุดหรือไม่

น.1 สั่งสเกตช์ภาพคนร้ายทุกจุด

ส่วนผลการประชุมที่ บช.น. เมื่อดึกวันที่ 3 ส.ค. หลังจาก พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น.เรียกประชุมพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีคนร้ายวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด 13 คดี ได้แก่ สน.ทุ่งสองห้อง 4 คดี สน.พญาไท 4 คดี สน.ปทุมวัน 3 คดี และ สน.ยานนาวา 2 คดี แบ่งเป็นคดีระเบิด 7 คดี และคดีวางเพลิง 6 คดี ส่วนคดีระเบิดที่หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมอีก 1 จุด อยู่พื้นที่รับผิดชอบของ สภ.ปากเกร็ด บช.ภ.1 เบื้องต้น พล.ต.ท.สุทธิพงษ์สั่งการให้พนักงานสอบสวนทั้ง 4 สน. รวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานให้ละเอียดรอบคอบ รวมทั้งให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบแต่ละคดี นำพยานที่เห็นใบหน้าคนร้ายไปสเกตช์ภาพคนร้ายที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน เพื่อดำเนินการขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามภาพสเกตช์ไว้ก่อน เบื้องต้นมีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือวางระเบิดและวางเพลิงรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คน

วงจรระเบิดเหมือนเหตุภาคใต้

มีรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า แผนประทุษกรรมคนร้ายมีเป้าหมายทั้งวางระเบิดและวางเพลิง ระเบิดต่อวงจรแบบแสวงเครื่องใส่ลูกปรายเพื่อสร้างความเสียหายให้คนหรือสถานที่ซึ่งอยู่ในระยะทำการ 10-15 เมตร ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งต่อวงจรระเบิดแบบวางเพลิง แล้วตั้งเวลาให้ระเบิดทำงานในเวลาไล่เลี่ยกัน ในที่เกิดเหตุพบทั้งโทรศัพท์มือถือ เพาเวอร์แบงก์ ใช้เป็นอุปกรณ์สำคัญการประกอบระเบิด จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า การต่อวงจรและอุปกรณ์ที่ใช้ลักษณะคล้ายกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ อาทิ เหตุระเบิดในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สงขลา จ.ภูเก็ต และ จ.ตรัง เป็นต้น ส่วนเหตุวางเพลิงในท้องที่ สน.พญาไท และ สน.ปทุมวัน จากหลักฐานที่พบ ลักษณะแผนประทุษกรรมคนร้ายคล้ายเหตุคนร้ายลักลอบวางเพลิงห้างดังและตลาดนัดที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี อ.เมืองกระบี่ และ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา และเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อช่วงสายวันที่ 12 ส.ค.59 เบื้องต้นชุดคลี่คลายคดีระเบิดป่วนกรุงอาจจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้

ระบุตัว 4 คนมาเช้าเย็นกลับ

ชุดสืบสวนสอบสวนนำภาพผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดจากกล้องวงจรปิดจากบริเวณจุดเกิดเหตุ ไปตรวจสอบเปรียบเทียบบุคคลจากภาพกล้องวงจรปิดบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ พบผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าเป็นมือวางระเบิดแล้ว 4 คน ทั้งหมดก่อเหตุวางระเบิดแล้วกลับมาที่หมอชิตใหม่เพื่อขึ้นรถหลบหนีกลับพื้นที่ภาคใต้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 ส.ค. แบ่งเป็นผู้ก่อเหตุที่ศูนย์ราชการฯ ท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง 1 คน ผู้ก่อเหตุที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมท้องที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 1 คน และผู้ก่อเหตุในท้องที่ สน.ยานนาวาอีก 2 คน จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ทีมวางระเบิดนั่งรถทัวร์มาถึงหมอชิตใหม่ช่วงตอนเช้ามืดวันที่ 1 ส.ค. ก่อเหตุวางระเบิดจุดเป้าหมายแล้วหลบหนีกลับในวันเดียวกันกับผู้ต้องหา 2 คนที่วางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ถูกตามจับกุมตัวได้

...

ประสาน บช.ภ.9 ล็อกเป้ากว่า 10 คน

มีรายงานว่า พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.หัวหน้าทีมสืบสวนคดีระเบิดมอบหมายให้ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุดสืบสวนโรงพักพื้นที่ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามหาตัวกลุ่มคนร้ายในจุดที่เกิดเหตุ และประสานให้ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ตรวจสอบเป้าหมายบุคคลต้องสงสัยตามภาพกล้องวงจรปิดในพื้นที่ จ.นราธิวาส คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10 คน เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อว่าหลังก่อเหตุเดินทางกลับเข้าพื้นที่ จ.นราธิวาส แล้ว

ผู้ต้องหาให้ข้อมูลมีประโยชน์

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษก ตร.เผยถึงกรณีควบคุมตัว 2 ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ขอยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดของตำรวจเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ข้อมูลปากคำที่เป็นประโยชน์ เพื่อสอบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดี ในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับและสั่งการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ยึดและปฏิบัติตามหลักกฎหมายโดยเคร่งครัด นอกจากนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มอบหมายให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ประกอบด้วยจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ลงไปกำกับดูแลคดีด้วยตนเองอีกชั้นหนึ่ง ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่าตำรวจจะดำเนินการด้วยความถูกต้อง เที่ยงธรรม และสามารถชี้แจงต่อสาธารณชนได้ ขอฝากพี่น้องประชาชนให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น หากมีข้อมูลเพิ่มเติมสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะนำเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป

...

โต้โซเชียลผู้ต้องหา 2 คนสบายดี

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.เผยว่า ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนตามหมายจับที่ศาลอนุมัติให้ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ให้อำนาจควบคุมตัวได้ 7 วัน ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมตัวเพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลตั้งแต่วันที่ 2-8 ส.ค. หลังทั้ง 2 คนถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.62 มีการตรวจร่างกาย และเข้าสู่กระบวนการซักถาม ในส่วนของสิทธิผู้ต้องหาขั้นพื้นฐาน บิดา มารดา และภรรยาสามารถติดต่อเยี่ยมได้ตามปกติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กำชับให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องสืบสวนสอบสวนด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม ยึดหลักกฎหมาย นำพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาเชื่อมโยงการกระทำความผิดเป็นสำคัญ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เกิดความเชื่อมั่น และตอบคำถามให้กับสังคมได้ ขณะนี้ทั้ง 2 คนปลอดภัยดี อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ ใช้มาตรฐานเดียวกับผู้ถูกควบคุมตัวรายอื่น ไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือที่ปรากฏในโลกโซเชียล ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ขอให้เชื่อมั่น และติดตามข่าวสารที่ถูกต้องจากทางราชการเท่านั้น พร้อมกันนี้หากประชาชนมีข้อมูล หรือเบาะแสที่เกี่ยวข้องสามารถโทร.สายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.

นายกฯยังไม่ลดมาตรการ รปภ.เข้ม

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิดในกรุงเทพฯอย่างใกล้ชิด ล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่าสถานการณ์คลี่คลายลงแล้วนายกฯยังสั่งการให้การรักษาความปลอดภัยมีมาตรการเท่าเดิมตามที่เพิ่มตั้งแต่เกิดเหตุ ไม่ได้ลดระดับลง ฝากประชาชนอย่าประมาท หากพบเหตุต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนกรณีแม่ของผู้ต้องสงสัยชาว จ.นราธิวาส เดินทางมากรุงเทพฯเพื่อติดตามตัวลูกชายที่ติดต่อไม่ได้มา 3 วัน และร้องขอให้เจ้าหน้าที่แจ้งที่อยู่ว่าปลอดภัยหรือไม่ นายกฯกำชับ ผบ.ตร.ให้สอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม ให้ถูกต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผบ.ตร.จะชี้แจงให้ทราบโดยเร็ว ส่วนที่มีข้อสงสัยและข่าวลือต่างๆยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ขณะนี้ตำรวจดูแลผู้ต้องสงสัยอยู่ในความปลอดภัยจะแจ้งให้ญาติทราบต่อไป

...

โฆษก ปชป.ให้กำลังใจนายกฯ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ อย่าพยายามพูดเป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องไม่ให้ใครมาคิดร้ายต่อบ้านเมือง ช่วยกันสอดส่องดูแลให้กำลังใจการทำหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีหลายฝ่ายพยายามชี้นำว่า เกิดจากเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ควรปล่อยเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเร่งทำงานหนักคลี่คลายคดี เชื่อว่ารัฐบาลจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้กำลังใจนายกฯแก้ปัญหา แต่การสื่อสารของ รัฐบาลจำต้องชัดเจนเป็นเอกภาพ เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญควรให้โฆษกรัฐบาลเป็นหลัก ตั้งศูนย์บัญชาการสื่อสารเฉพาะกิจทันที รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประมวลผลให้การสื่อสารข้อมูลถึงประชาชน ถูกต้องแม่นยำ เพื่อสยบข่าวเท็จต่างๆที่พยายามทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล ไม่เช่นนั้นประชาชนจะสับสน ส่วนมาตรการป้องกันวันข้างหน้าตำรวจจะเป็น กำลังหลักต้องเชี่ยวชาญมากขึ้น หน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ตำรวจ นายกฯกำกับดูแลตำรวจด้วยตนเองจะทำให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“เจ๊หน่อย” อัดซื้ออาวุธอย่างเดียวไม่พอ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยห่วงใยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ตามที่มีข่าวว่าผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับบอกเหตุจูงใจเกิดจากความไม่พอใจกรณีการจัดการปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ควรจัดการปัญหาความไม่พอใจการบริหารจัดการความมั่นคงของรัฐบาลอย่างจริงจัง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุการขยายตัวของความรุนแรง สะท้อนให้เห็น ว่าการใช้งบประมาณ 5 ปีที่ผ่านมาไม่ถูกจุด เน้นแต่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เรื่องความมั่นคงต้องอาศัยความเข้าใจและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงแค่การซื้ออาวุธ แต่ควรน้อมนำพระราชดำรัส เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้และทบทวนแนวทางจัดการปัญหาความมั่นคง รวมถึงมาตรการความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ๆ

“ธนกร” ซัด “เสรีพิศุทธ์” ป้ายสีรบ.

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุ รัฐบาลอาจอยู่เบื้องหลังสถานการณ์วางระเบิดป่วนกรุง เพื่อกลบ ข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวคำถวายสัตย์ฯไม่ครบว่า ผิดหวังกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาก ทั้งที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เคยเป็นถึง ผบ.ตร.กลับคิดได้แค่นี้ ไม่มีรัฐบาลที่ไหนคิดทำร้ายประเทศและประชาชนแบบนี้ ไม่มีใครเอาชีวิตประชาชนมาเล่นเกม ขอสาปแช่งให้คนทำและคนที่อยู่เบื้องหลังได้รับกรรมที่ก่อโดยเร็ว ประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราชปกป้องดูแล ใครคิดร้ายกับประเทศมีจุดจบไม่ดีแน่นอน ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลจะทำทุกอย่างให้ประเทศสงบปลอดภัย อีกไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคลี่คลายคดีได้แน่นอน ที่สำคัญถ้าประชาชนมีความรักความสามัคคีกันจะไม่มีใครมาทำลายประเทศเราได้ รู้สึกหดหู่กับพฤติกรรมของ ส.ส.บางคน และนักการเมืองพรรคเพื่อไทยบางคนที่ขาดวุฒิภาวะ ออกมาแสดงคิดเห็นโดยเอาชีวิตประชาชนมาล้อเล่น

7 พรรคฝ่ายค้านเยี่ยมเหยื่อระเบิด

ที่โรงพยาบาลสิรินธร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน และการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมด้วยทีมโฆษกและตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทิ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้าเยี่ยมนางสุนทร รอดเสียงล้ำ อายุ 55 ปี และ น.ส.คิสนา ผ่องใจดี อายุ 46 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดเขตสวนหลวง ผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดในซอยพระรามเก้า 57/1 พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านขอแสดงความห่วงใย ขอให้ทุกคนปลอดภัยหายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว ขอบคุณโรงพยาบาล แพทย์ผู้รักษาที่ดูแลคนบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด ด้านนายอนุสรณ์กล่าวว่า ขอประณามผู้ก่อเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ ที่เอาความสูญเสีย บาดเจ็บของประชาชนเป็นเหยื่อการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายคดี ยกระดับมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน

ยกปากคำคนร้ายโต้ “บิ๊กแดง”

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า ส่วนกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ระบุเหตุระเบิดดังกล่าว เป็นฝีมือกลุ่มเดิมๆอยู่เบื้องหลังก่อเหตุ หากข้อมูลที่ผู้ต้องสงสัย 2 คนที่ถูกจับกุมรับสารภาพว่า ต้องการแก้แค้นเพราะไม่พอใจทหาร จะขัดแย้งกับสิ่งที่ ผบ.ทบ.พูดหรือไม่ ถ้าย้อนกลับไปเวลาเกิดเหตุสร้างสถานการณ์วุ่นวายแทบทุกครั้ง ประชาชนมักได้รับคำตอบลักษณะนี้มาตลอด ไม่แน่ใจว่ากลุ่มเดิมๆในความหมายของ ผบ.ทบ. หมายถึงกลุ่มผู้ลงมือก่อเหตุยังเป็นกลุ่มเดิม หรือกลุ่มที่เป็นต้นตอปัญหาประเทศยังเป็นกลุ่มเดิมๆ แนวคิดเดิมๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมมีอำนาจเบ็ดเสร็จ คุมทั้งทหาร ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นแม้กระทั่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ควรพิจารณาว่างบฯที่ใช้จัดซื้ออาวุธ รวมถึงเรือดำน้ำที่จะขอซื้อเพิ่ม หากเปลี่ยนมาติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานการข่าว ยกระดับคุณภาพเครื่องมืออุปกรณ์การทำงานของหน่วยงานเพื่อมาดูแลประชาชนจะสร้างความมั่นใจในการดูแลความปลอดภัย ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจะดีกว่าหรือไม่

ซัดนายกฯ-ผบ.ทบ.ชี้นำ จนท.

ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินซื้อเรือดำน้ำ รถถังรุ่นใหม่ๆ แต่พอเกิดเหตุระเบิดป่วนเมือง กลับไม่เห็นว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทุ่มซื้อมาจะช่วยป้องกันเหตุร้ายได้ ผู้มีอำนาจฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ใช้วิธีการทำงานคร่ำครึคาดเดาว่า ใครอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด ใช้สมมติฐานเลื่อนลอย ไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักมารองรับ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ ควรระมัดระวังให้มากในการเชื่อมโยงผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด อย่าทำให้บุคคลอื่นเสียหายโดยไม่เป็นธรรม อย่าให้ความเห็นของพวกท่านชี้นำการทำงานเจ้าหน้าที่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว คนหนึ่งเป็นนายกฯ อีกคนเป็น ส.ว.สรรหา ให้คุณให้โทษเจ้าหน้าที่รัฐได้ อาจทำให้กระบวนการสืบสวนสอบสวนไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง เพราะถูกการเมืองชี้นำ หวังว่ารัฐบาลจะไม่ถือโอกาสใช้สถานการณ์ระเบิดป่วนเมืองเป็นข้ออ้างซื้ออาวุธเพิ่ม หรือออกกฎหมายพิเศษละเมิดสิทธิประชาชนโดยไม่จำเป็น

“จตุพร” วอนจับคนร้ายตัวจริง

ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า วันนี้วิเคราะห์เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เพราะ ผบ.ทบ.และ ผบ.ตร.หยิบยกมาเทียบเคียงกับ 2 กรณีคือ เหตุระเบิดปี 49 และปี 57 ที่ผ่านมาระเบิดที่เกิดมักถูกหยิบยกมาเป็นเครื่องมือทำลายกันทางการเมือง ไม่ได้แสวงหาข้อเท็จจริงอย่างที่ควร เช่น เหตุระเบิดวันส่งท้ายปีเก่าวันที่ 31 ธ.ค.49 เกิดหลังยึดอำนาจวันที่ 19 ก.ย.49 แต่ไม่สามารถจับคนร้ายได้ เพราะเป็นระเบิดที่ไม่ได้มุ่งหมายชีวิต ต้องการแค่ผลลัพธ์ทางการเมือง ปี 57 ก็เช่นกัน เกิดระเบิดในภาคใต้จับกุมคนชราที่แม้แต่ถือระเบิดยังไม่มีปัญญา สุดท้ายปล่อยตัว ระหว่างนั้นแต่ละฝ่ายหยิบฉวยเหตุการณ์ว่าเป็นฝีมือของอีกฝ่าย ครั้งนี้ทำกันอย่างตรงไปตรงมาสักครั้งได้หรือไม่ ไม่เอาแพะหรือเป็นแค่เรื่องการเมือง ต้องระวังคือ ถ้าไปบอกว่าคนทำมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมือนเป็นการชี้ว่า มีปฏิบัติการข้ามมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว แบบนี้เศรษฐกิจกำลังพินาศอยู่จะยิ่งย่อยยับ ขอสักครั้งทั้ง 2 ฝ่าย รัฐบาลไม่ต้องแทรกแซงปล่อยไปตามกระบวนการสืบสวน คนที่เป็นผู้ต้องหาควรได้รับสิทธิ์แล้วพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่เลวทรามต่ำช้า มิฉะนั้นสถานการณ์แบบนี้จะถูกหยิบมาใช้ท่ามกลางความหายนะของประเทศ