ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเสนอเรื่องราวของพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ที่ทางหน่วยงานภาครัฐได้เปิดให้ประชาชนเข้าไปเยี่ยมชมภายใน และสามารถเข้าไปใช้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายได้ตามระยะเวลาทำการที่กำหนด พระราชวังสนามจันทร์ มรดกตกทอดจาก "ร.6" ที่ตั้งเทวาลัยคเณศร์ อันศักดิ์สิทธิ์
"ย่าเหล" สุนัขพันทาง ขนปุยสีขาวแต้มดำลักษณะหูตก มีความเฉลียว ฉลาด น่าเอ็นดู สุนัขทรงเลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 6 ถูกสร้างขึ้นเป็นอนุสาวรีย์รูปปั้น ตั้งตระหง่านอยู่หน้า พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ในพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม หลังจากที่ "ย่าเหล" ถูกลอบฆ่า ในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงเสียพระทัยอย่างหาที่สุดมิได้ ก่อนจะกลั่นกรองความรู้สึกออกมา ผ่านพระราชนิพนธ์บทกลอนไว้อาลัยแด่ "ย่าเหล" จารึกไว้ที่ด้านข้างของอนุสาวรีย์ ดังนี้
อนุสาวรีย์นี้เตือนจิตร์ ให้กูคิดรำพึงถึงสหาย
โอ้อาไลยใจจู่อยู่ไม่วาย กูเจ็บคล้ายศรศักดิ์ปักอุรา
ยากที่ใครเขาจะเห็นหัวอกกู เพราะเขาดูเพื่อนเห็นแต่เป็นหมา
เขาดูแต่เปลือกนอกแห่งกายา ไม่เห็นฦกตรึกตราถึงดวงใจ
เพื่อนเป็นมิตร์ชิดกูอยู่เนืองนิตย์ จะหามิตร์เหมือนเจ้าที่ไหนได้
ทุกทิวาราตรีไม่มีไกล กูไปไหนเจ้าเคยเป็นเพื่อนทาง
ช่างจงรักภักดีไม่มีหย่อน จะนั่งนอนยืนเดินไม่เหินห่าง
ถึงยามกินเคยกินกับกูพลาง ถึงยามนอน ๆ ข้างไม่ห่างไกล
อันตัวเพื่อนเหมือนมนุษสุจริต จะผิดอยู่แต่เพียงพูดไม่ได้
แต่เมื่อกูใคร่รู้ความในใจ กูมองดูรู้ได้ในดวงตา
โอ้อกกูดูเพื่อนอยู่หรัด ๆ เพื่อนมาพลัดพรากไปไม่เห็นหน้า
กูเผลอ ๆ ก็เชง้อเผื่อเพื่อนมา เสียงกุกกักก็ผวาตั้งตามอง
อันความตายเป็นธรรมดาโลก กูอยากตัดความโศรกกระมลหมอง
นี่เพื่อนตายเพราะผู้ร้ายมันมุ่งปอง เอาปืนจ้องสังหารผลาญชีวี
...
เพื่อนมอดม้วยด้วยมือทุรชน เอารูปคนสรวมใส่คลุมใจผี
เป็นคนจริงฤๅจะปราศซึ่งปรานี นี่รากษสอัปปรีปราศเมตตา
มันยิงเพื่อนเหมือนกูพลอยถูกด้วย แทบจะม้วยชีวังสิ้นสังขาร์
จะหาเพื่อนเหมือนเจ้าที่ไหนมา ช้ำอุราอาไลยไม่วายวัน
เมื่อยามมีชีวิตร์สนิทใจ ยามบรรไลยลับล่วงดวงใจสั่น
ด้วยอำนาจจงรักภักดีนั้น ขอให้เพื่อนขึ้นสวรรค์สำราญรมย์
ถึงจะมีหมาอื่นมาแทนที่ กูก็รักเพื่อนนี้เป็นปฐม
ที่ไหนเล่าจะสนิทและชิดชม ที่ไหนเล่าจะนิยมเท่าเพื่อนรัก
ถึงแม้จะไม่มีรูปนี้ไว้ รูปเพื่อนฝังดวงใจกูตระหนัก
แต่รูปนี้ไว้เป็นพยานรัก ให้ประจักษ์แก่คนผู้ไมตรี
เพื่อนเป็นเยี่ยงอย่างมิตร์สนิทยิ่ง ภักดีจริงต่อกูอยู่เต็มที่
แม้คนใดเป็นได้อย่างเพื่อนนี้ ก็ควรนับว่าดีที่สุดเอย

มีชาติกำเนิดในเรือนจำจังหวัดนครปฐม
วันหนึ่งใน พ.ศ. 2448 ในหลวงรัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินมาทรงตรวจเรือนจำมณฑลนครไชยศรี ขณะนั้นมีผู้พบเห็นเหตุการณ์ได้เล่าไว้ว่า ระหว่างทอดพระเนตรสถานที่ต่างๆ ภายในเรือนจำ ได้ทอดพระเนตรเห็นลูกสุนัขพันทาง 2 ตัว ซึ่งเกิดจากแม่สุนัขพันธุ์ไทยที่เติบโตอยู่ในเรือนจำมณฑลนครไชยศรี ส่วนตัวพ่อนั้นเป็นสุนัขพันธุ์ต่างประเทศของ พระยาสุนทรบุรีศรีพิไชยสงคราม (ชม สุนทรารชุน) สมุหเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลนครไชยศรี ซึ่งจวนของท่านเจ้าคุณอยู่ติดกับเรือนจำนั่นเอง
ในเวลานั้นลูกสุนัขทั้งสองกำลังนอนดูดนมแม่อยู่ที่เชิงบันไดโรงครัวภายในเรือนจำ เมื่อทอดพระเนตรเห็นลูกสุนัขทั้ง 2 ตัว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ (ในหลวงรัชกาลที่ 6) ทรงดีดพระหัตถ์เรียก ลูกสุนัขตัวที่ขนยาวปุยสีขาว มีด่างดำที่ใบหน้า ขนบนหลังเป็นสีดำเหมือนอานม้า หูตก หางเป็นพวง ได้วิ่งมาเฝ้าคลอเคลียแทบเบื้องพระยุคลบาท เป็นที่ต้องพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับที่ประทับแรมที่พระตำหนักสวนนันทอุทยานแล้ว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารในพระองค์คนหนึ่งมาขอลูกสุนัขนั้นไปทรงเลี้ยง โดยที่ลูกสุนัขทั้งสองยังไม่หย่านม หลวงไชยราษฎร์รักษา (โพธิ์ เคหะนันทน์) พะทำมะรงเรือนจำมณฑลนครไชยศรี จึงได้น้อมเกล้าฯ ถวายลูกสุนัขทั้งสองไปพร้อมกับแม่สุนัขนั้น

...
ที่มาของชื่อ "ย่าเหล"
เมื่อทรงรับแม่และลูกสุนัขทั้งสองมาเป็นสุนัขทรงเลี้ยง เป็นเวลาที่กำลังทรงพระราชนิพนธ์แปลบทละครเรื่อง “My Friend Jarlet” เป็นภาษาไทยในชื่อ “มิตรแท้” โดยมีเนื้อเรื่องย่อว่า เมื่อเยอรมนีเข้ายึดครองฝรั่งเศสคราวสงครามฟรังโก-ปรัสเซียน (Franco-Prussian War) มีชาวฝรั่งเศสคิดกู้ชาติโดยทางลับ ซึ่งเรียกกันในสมัยหนึ่งว่า “อันเดอร์กราวด์” (Underground) หรือปฏิบัติการใต้ดิน
วันหนึ่ง ปอล ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมลับใต้ดินนี้ถูกทหารเยอรมันจับได้ และจะถูกประหารชีวิตเพราะมีการกระทำอันเป็นจารชน แต่ปอลนั้นหลงรักมารี ผู้เป็นหลานสาวของเจ้าของโรงแรมที่ตนพักอยู่กับยาร์เลต์ ผู้เป็นสหายสนิท ฝ่ายยาร์เลต์นั้นเกรงว่า หากปอลแต่งงานกับมารีแล้วตนจะลำบาก เพราะขาดผู้อุปถัมภ์ค่าใช้จ่าย จึงพยายามกีดกันมิให้ปอลกับมารีได้ติดต่อกัน ถึงวันที่ปอลโดนจับและทหารเยอรมันจะมานำตัวปอลไปประหาร
ยาร์เลต์ได้สนทนากับมารี และทราบความว่า มารีนั้นคือธิดาของตน แต่ไม่เคยได้พบกันมาก่อน เพราะยาร์เลต์ได้เลิกรากันไปกับมารดาของมารีตั้งแต่มารียังอยู่ในครรภ์มารดา เมื่อปอลกลับมาที่โรงแรมเพื่อจะร่ำลามารี ก่อนที่ทหารเยอรมันจะมาคุมตัวไปประหารนั้น ยาร์เลต์จึงได้อาสาไปตายแทนเพื่อให้คนที่ตนรักทั้งสองได้ครองคู่ร่วมกัน จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามลูกสุนัขตัวสีขาวมีจุดด่างดำที่วิ่งมาคลอเคลียอยู่แทบเบื้องพระยุคลบาทนั้นว่า “ย่าเหล” ซึ่งแปลงมาจากชื่อตัวละคร “ยาร์เลต์” ส่วนสีน้ำตาลอีกตัวหนึ่งนั้น โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “ปอล”…

...
เหตุนี้เอง จึงมีที่มาของชื่อ "ย่าเหล" พระองค์ทรงตั้งจากชื่อตัวละครเอก เอมิล ยาร์เลต์ (Emile Jarlet) จากบทละครฝรั่งเศสเรื่อง "My friend Jarlet" ซึ่งได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลเป็นบทละครภาษาไทย ชื่อ "มิตรแท้" และยังทรงพระราชนิพนธ์ละครพูดเรื่อง "เพื่อนตาย" ตามเค้าโครงภาษาอังกฤษด้วย
เสมือนทหารรักษาพระองค์ ถวายความจงรักภักดีพระเจ้าอยู่หัว
"ย่าเหล" เป็นสุนัขที่ฉลาดแสนรู้ และช่างประจบ คอยถวายความจงรักภักดีพระเจ้าอยู่หัว เสมือนเป็นทหารรักษาพระองค์ ทำให้เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง หากข้าราชบริพารคนใดแต่งกายไม่เรียบร้อย ก็จะถูกย่าเหลกัดต่อหน้าพระที่นั่ง ว่ากันว่าสร้างความละอายและเจ็บแค้นแก่ผู้ที่ถูกกัด
ในประวัติศาสตร์ระบุไว้ว่า "ย่าเหล" ชอบหนีออกไปเที่ยวเป็นประจำ และหายตัวไปบ่อยๆ เหตุนี้เองทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงต้องออกตามหาอยู่หลายครั้ง และในภายหลังทรงให้ทำป้ายแขวนคอ เขียนบอกว่า "สุนัขตัวนี้เป็นสุนัขของพระเจ้าอยู่หัว ผู้ใดพบนำคืน จะได้รับพระราชทานรางวัล"
ย่าเหล ถูกลอบยิง รัชกาลที่ 6 ทรงโทมนัสอย่างยิ่ง
กว่า 5 ปี ที่ย่าเหลเข้ามาเป็นสุนัขหลวงในพระราชวัง ด้วยความรักความเมตตา รวมทั้งความเอ็นดูจากในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงเลี้ยงอย่างดีประหนึ่งเพื่อนคู่กาย และเปรียบให้เป็นมิตรแท้ ปล่อยวิ่งเล่นอิสระภายในวัง กระทั่งวันหนึ่งมีผู้ไปพบ "ย่าเหล" นอนตายข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง ด้านวัดโพธิ์ ท่าเตียน มีร่องรอยถูกปืนยิง

...
ในประวัติศาสตร์จารึกว่า ตามรูปการณ์คนที่ฆ่าย่าเหล ต้องมิใช่มหาดเล็กธรรมดา เพราะผู้ที่มีปืนในสมัยนั้น จะต้องมียศฐาชั้นเจ้าคุณขึ้นไป หรืออาจเป็นชั้นเจ้านายก็เป็นได้
ในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงโทมนัสอย่างยิ่ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานศพแก่ "ย่าเหล" มีหีบใส่ศพอย่างดี ปิดทองที่มุมโลง และโปรดเกล้าฯ ให้แกะสลักรูปย่าเหลวางไว้บนโลงด้วย นอกจากนี้ยังมีของชำร่วยแจกในงานศพ เป็นผ้าเช็ดหน้าพิมพ์รูปย่าเหล และมีตราวชิระที่มุมด้านขวา พระราชทานเป็นของที่ระลึกแก่ทุกคนที่ไปร่วมงาน
ขอบพระคุณข้อมูลจาก "หนังสือ ในหลวงกับคุณๆ สี่ขา", ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ กรกฎาคม ๒๕๕๗


